บริษัทรับประมูล รับซื้อ และจำหน่าย ทั้งค้าปลีก ค้าส่ง เศษของผลิตภัณฑ์ วัสดุในทางอุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้ว
สวัสดีครับ
HIDAKA YOOKOO ถือเป็นบริษัทด้านการรีไซเคิลเศษเหล็ก เศษโลหะ และวัสดุไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นของเสียอันตราย ซึ่งอยู่ในประเทศไทยมากว่า 90 ปี โดยเราก่อตั้งโรงงานมาตั้งแต่ พ.ศ.2471 เรามีความมุ่งมั่นที่จะใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าเพื่อเป็นการช่วยโลก โดยการเป็นผู้นำด้านการรีไซเคิล เนื่องจากบริษัทของเรา เป็นบริษัทที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพราะมีส่วนช่วยในการนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วประเภทเศษโลหะและอโลหะกลับเข้าสู่กระบวนการเพื่อนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อีกครั้ง ที่ผ่านมา HIDAKA YOOKOO นอกจากมุ่งเน้นด้านการรีไซเคิลแล้ว ยังมุ่งเน้นการเพิ่มระดับความเข้าใจและระดับทักษะของพนักงาน รวมถึงการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนและสังคมตามหลัก เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN) พร้อมทั้งยังนำนโยบายระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในองค์กรด้วย ทางบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณประเทศไทย ขอบคุณคนไทย และพนักงานทุกคน ที่ทำให้เราได้มีโอกาสทำงานอยู่ในประเทศไทยอย่างมั่นคง
ขอบคุณครับ
วิสัยทัศน์
VISION
จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการรีไซเคิลเศษโลหะ และอโลหะ
พันธกิจ
MISSION
บริษัทฯ จะให้บริการครบวงจรทางด้านการรีไซเคิล โดยเน้นการการบริการที่คุณภาพและมีมาตรฐาน และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่ดี ความปลอดภัย และความรับผิดชอบต่อสังคม
วัฒนธรรมองค์กร
CORPORATE CULTURE
มีมาตรฐานสูง
เน้นการดำเนินการให้สำเร็จผล
มุ่งมั่นพัฒนาปรับปรุง
สร้างจิตสำนึก
ส่งเสริมความรู้
มุ่งสู่ความสำเร็จ
We Are Hidaka พวกเราชาวฮีดากา
บริษัทในเครือ
HIDAKA GROUP
บริษัท ฮีดากา โฮลดิ้งส์ (2008) จำกัด
HIDAKA HOLDINGS 2008 CO., LTD.
Hidaka Building ชั้น 1,5,6,7 เลขที่ 27 ซอยบางนา-ตราด 25 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260
บริษัท ฮีดากา ทรานสปอร์ท แอนด์ เซอร์วิส จำกัด
HIDAKA TRANSPORT CO., LTD.
336 หมู่ 7 ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 20230
บริษัท ฮีดากา รีไซเคิล อ๊อฟ เอเชีย จำกัด
HIDAKA RECYCLE OF ASIA CO., LTD
27 อาคารฮีดากา ชั้น 3 ซอยบางนา-ตราด 25 ถนนบางนา-ตราดแขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กรุงเทพ 10260
บริษัทฮีดากา เวสต์ แมนเนจเมนท์ จำกัด
HIDAKA WASTE MANAGEMENT CO.,LTD.
27 อาคารฮีดากา ชั้น 2 ซอยบางนา-ตราด 25 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กรุงเทพ 10260
บริษัทฮีดากา ซูซู โทกุ(ประเทศไทย) จำกัด
HIDAKA SUZUTOKU (THAILAND) CO.,LTD.
325/15 หมู่ 3 ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 20230
บริษัทฮีดากา-ฉิโฮ เมทัล รีไซคลิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด
HIDAKA – CHIHO METAL RECYCLING (THAILAND) CO.,LTD.
336/15 หมู่ 7 ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 20230
บริษัทฮีดากา เมทัล เทรด จำกัด
HIDAKA METAL TRADE CO.,LTD.
165 หมู่ 3 ต.บางโปรง อ.เมืองจ.สมุทรปราการ 10270
บริษัทฮีดากา ธิฮา รีไซเคิล จำกัด
HIDAKA THIHA RECYCLE CO.,LTD.
105 Thilawa Local Industrial Zone,Plot, Thanlyin Kyauk Tan Township Yangon, Myanmar 11301
สาขาของฮีดากาโยโกฯ
BRANCH HDK
ที่อยู่
27 ซ.บางนา-ตราด 25 ถ.บางนา-ตราด แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กรุงเทพฯ
0-2744-1400
0-2744-1441
info@hidakayookoo.co.th
Google Map Download Mapที่อยู่
353 ม.3 ซ.วัดสวนส้ม ถ.ปู่เจ้าสมิงพราย ต.บางโปรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
02-7567823-6
0-2383-0311
Google Map Download Map
ที่อยู่
2/17 ถ.ปกรณ์สงเคราะห์ราษฎร์ ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง
038-685916–8
038-685915
Google Map Download Map
ที่อยู่
77 ม.1 ถ.เนินตาลเด่น-หนองกะขะล่าง ต.พานทอง อ.พานทอง จ.ชลบุรี
038-740495-7
038-452875
Google Map Download Map
นโยบาย&ความเป็นส่วนตัว
POLICY & PRIVACY
นโยบายระบบการจัดการ ด้านคุณภาพ สิ่งแวดล้อม-พลังงาน อาชีวอนามัยและความปลอดภัย รวมถึงความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลสารสนเทศและข้อมูลส่วนบุคคล และความต่อเนื่องทางธุรกิจ
บริษัท ฮีดากาโยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ดำเนินกิจการซื้อขายเศษเหล็กและคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ประเภทเศษโลหะหรือเศษอโลหะ โดยนำมาคัดแยก ตัด อัดก้อนหรือบดย่อยเพื่อจำหน่าย ด้วยความมุ่งมั่นดังนี้ :
บริษัทฯ มีการนำระบบบริหารจัดการร่วมด้านคุณภาพ สิ่งแวดล้อม-พลังงาน อาชีวอนามัยและความปลอดภัย รวมถึงความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลสารสนเทศและข้อมูลส่วนบุคคล และความต่อเนื่องทางธุรกิจ ในเชิงบูรณาการกับการดำเนินธุรกิจ เพื่อนำมาซึ่งการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน ดังนี้ :
จึงประกาศมาให้ทราบ และถือปฏิบัติโดยทั่วกัน
มาจากประกาศบริษัทที่ HDK-ISO-01/2568 ลวท.17 มกราคม 2568
โดย นายยาซูโอะ อาทิตย์เรืองสิริ
ประธานบริษัทฯ/กรรมการผู้จัดการ
นโยบายการบริหารความยั่งยืนองค์กร (ESG: Environment, Social and Governance Policy)
1. แนะนำการบริหารความความยั่งยืนองค์กร (ESG)
ESG ย่อมาจาก Environmental (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) ในมิติด้านสิ่งแวดล้อม จะพิจารณาการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ที่ได้ผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจ ในมิติด้านสังคมจะพิจารณาการบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม ความเป็นอยู่ของสังคมทั้งภายในและนอกบริษัท และมิติด้านหลักธรรมาภิบาล จะพิจารณาด้านการกำกับดูแลกิจการที่่ดี มีแนวทางบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน ต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่น โดย ESG เป็นปัจจัยสำคัญ 3 ประการที่คู่ค้าพิจารณาเมื่อต้องการประเมินด้านความยั่งยืนและผลกระทบทางจริยธรรมของการดำเนินงานบริษัท ทั้งนี้้ Financial Times ได้บัญญัติความหมายของ ESG ว่าเป็นค่าที่ใช้ในตลาดลงทุนเพื่อใช้ประเมินการดำเนินงานของบริษัท และทำให้ล่วงรู้ถึงผลประกอบการในอนาคตของบริษัท
นโยบายการจัดการความยั่งยืนองค์กร (ESG) นี้ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อให้กรอบการทำงานที่ครอบคลุมสำหรับการระบุ ประเมินและจัดการความยั่งยืนองค์กรที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานประสิทธิภาพและชื่อเสียงของ บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทบริหารจัดการรีไซเคิลเศษโลหะและอโลหะชั้นนำ
วัตถุประสงค์ของนโยบายนี้คือเพื่อให้แน่ใจว่าความยั่งยืนองค์กรได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ของ บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และพนักงานทุกคนตระหนักถึงบทบาทและความรับผิดชอบของตนในกระบวนการนี้
2. ขอบเขตการบริหารความความยั่งยืนองค์กร (ESG)
นโยบายนี้ใช้กับกิจกรรม หน้าที่ และการดำเนินงานทั้งหมดของ บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด พนักงานจะต้องปฏิบัติตามนโยบายนี้ บริษัทในกลุ่มฮีดากา คู่ค้า ผู้รับเหมา และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคนควรมีส่วนร่วมในการพัฒนาความยั่งยืน
3. คำนิยาม
“บริษัท” หมายถึง บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
“คณะกรรมการบริษัท” หมายถึง คณะกรรมการบริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
“กรรมการผู้จัดการ” หมายถึง กรรมการผู้จัดการบริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
“พนักงานระดับบริหาร” หมายถึง พนักงานที่ดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ, ผู้จัดการทั่วไป, รักษาการผู้จัดการทั่วไป, ผู้จัดการฝ่าย, ผู้จัดการโรงงาน, รองผู้จัดการโรงงาน, ตามลำดับชั้น
“พนักงาน” หมายถึง พนักงานบริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
“ความยั่งยืนองค์กร” หมายถึง เหตุการณ์หรือการกระทำใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และจะส่งผลกระทบ หรือสร้างความเสียหายให้กับบริษัททั้งที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงิน เช่น กระทบต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงบริษัท เป็นต้น หรือก่อให้เกิดความล้มเหลว หรือลดโอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายตามกรอบวิสัยทัศน์ และพันธกิจของบริษัท
“ESG” หมายถึง เป็นคำย่อมาจาก Environmental (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) ในมิติด้านสิ่งแวดล้อม
4. วัตถุประสงค์ในการบริหารความยั่งยืนองค์กร
วัตถุประสงค์หลักของนโยบาย ESG ของบริษัท คือ
1. ระบุและประเมินความยั่งยืนองค์กรที่อาจส่งผลกระทบต่อการบรรลุวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์และประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัท
2. ที่พัฒนากลยุทธ์และการควบคุมลดความยั่งยืนองค์กรเหมาะสมเพื่อลดโอกาสและผลกระทบของความยั่งยืนองค์กรที่ระบุ
3. กำหนดสายงานความรับผิดชอบที่ชัดเจนสำหรับกิจกรรมการบริหารความยั่งยืนองค์กร และตรวจสอบให้แน่ใจว่าพนักงานทุกคนตระหนักถึงบทบาทและความรับผิดชอบของบริษัท
4. ติดตาม ทบทวน และรายงานประสิทธิผลของกระบวนการบริหารความยั่งยืนองค์กรและการควบคุมอย่างต่อเนื่อง
5. นโยบายบริหารความความยั่งยืนองค์กร (ESG)
บริษัทมีความมุ่งมั่นในการบริหารความความยั่งยืนองค์กร (ESG) เพื่อป้องกันปัญหาที่ผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ชื่อเสียง ความพึงพอใจของลูกค้า และ ด้านการเงิน โดยมีการพัฒนาระบบ และปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
ข้อ 5.1 บริษัทมีเจตนารมณ์ในการบริหารความความยั่งยื่นองค์กร (ESG) ตามกรอบมาตรฐานสากลด้านการบริหารความยั่งยืนองค์กร ซึ่งประกอบด้วย การวางแผน การนำไปปฏิบัติ การติดตาม การทบทวน การรักษาไว้ และการปรับปรุง โดยครอบคลุมถึงกิจกรรมหลักและกิจกรรมที่สนับสนุนต่อธุรกิจหลักขององค์การฯ
ข้อ 5.2 บริษัทจะจัดให้มีการฝึกอบรม การบริหารความความยั่งยื่นองค์กร (ESG) อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง เพื่อสร้างความพร้อม ความเข้าใจถึงบริบาทหน้าที่และเสริมสร้างจิตสำนึกในการบริหารความยั่งยืนองค์กร ให้แก่ พนักงานและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
ข้อ 5.3 บริษัทจะกำกับดูแลระบบบริหารความยั่งยืนองค์กร โดยมีการติดตามและทบทวน โดยเป็นหน้าที่ของฝ่ายตรวจสอบภายใน การดำเนินงานตามบริหารความยั่งยืนองค์กรเป็นระยะเวลาอย่างเหมาะสม เพื่อการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ข้อ 5.4 บริษัทถือว่าการบริหารความยั่งยืนองค์กร เป็นหน้าที่รับผิดชอบของ พนักงานของ บริษัท ทุกคน และต้องให้ความร่วมมือปฏิบัติตามนโยบายการบริหารความความยั่งยื่นองค์กร (ESG) เพื่อปลูกฝังระบบ ESG ให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร เพื่อให้องค์กรฯ สามารถดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
นโยบายการบริหารความยั่งยืนองค์กร (ESG) ดังกล่าวจะมีการถ่ายทอดไปยังพนักงานทุกระดับที่เกี่ยวข้องภายในองค์กร เพื่อให้พนักงานมีความเข้าใจ นำไปปฏิบัติ ปรับปรุงรักษาให้ดำรงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป
จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
มาจากประกาศบริษัท ที่ HDK-ISO-09/2566 ลวท. 11 ธันวาคม 2566
โดย นายยาซูโอะ อาทิตย์เรืองสิริ
ประธานบริษัทฯ/กรรมการผู้จัดการ
นโยบายการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน (Sustainable Procurement Policy)
เพื่อให้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และมีแนวทางปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อันก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ โดยสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ที่โปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ บริษัทจึงกำหนดนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างของ บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และกลุ่มบริษัทฮีดากาฯ ดังนี้
จึงประกาศมาเพื่อโปรดทราบ และถือปฏิบัติโดยทั่วกัน
มาจากประกาศบริษัท ที่ HDK-PUR 2/2567 ลวท. 30 เมษายน 2567
โดยนายยาซูโอะ อาทิตย์เรืองสิริ
ประธานบริษัท/กรรมการผู้จัดการ
บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัดได้มีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า พนักงาน ผู้สมัคร บุคลากรและบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด โดยบริษัทฯ เคารพและตระหนักถึงความสำคัญของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
บริษัทฯ จึงได้จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหลักเกณฑ์ ระเบียบ การบริหารจัดการ และมีมาตรการที่เหมาะสม โดยให้ถือว่าเป็นนโยบายของ บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ที่มีผลบังคับใช้กับพนักงานทุกคน เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัทฯ ได้รับจะถูกนำไปใช้ ตามระเบียบการปฏิบัติ และ ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยมีรายละเอียด ดังนี้
ข้อ 1 คำนิยาม
“บริษัทฯ” หมายความว่า บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัดและบริษัทในเครือ
“นโยบาย” หมายความว่า นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายความว่า ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงานข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นบ่งชี้ไปถึง
“การประมวลผลข้อมูล” หมายความว่า การดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“กรรมการ” หมายความว่า กรรมการของบริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
“ผู้บริหาร” หมายความว่า ผู้บริหารของบริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
“พนักงาน” หมายความว่า พนักงานในระดับรองลงมาจากระดับผู้บริหารของ บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
“ประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า การประกาศบนเว็บไซต์เพื่อแจ้งผู้เข้ามาใช้เว็บไซต์ถึง จุดประสงค์ วิธีการรวบรวม ประมวล และจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์
“คุกกี้” หมายความว่า ไฟล์เป็นเอกลักษณ์ซึ่งสร้างโดยเว็บไซต์และจัดเก็บบนคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ สื่อสารของผู้ใช้งานซึ่งจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล การใช้งาน และการตั้งค่าต่าง ๆ ของผู้ใช้งานเพื่อปรับปรุง ประสบการณ์ใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้งาน
ข้อ 2 ขอบเขตการบังคับใช้นโยบาย
2.1 นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ บังคับใช้กับบุคลากรในทุกระดับของบริษัทฯ รวมถึงกรรมการ ผู้บริหาร และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามคําสั่งหรือในนามของบริษัทฯ
2.2 นอกจากนโยบายฉบับนี้แล้ว บริษัทฯ กำหนดให้มีประกาศความเป็นส่วนตัว เพื่อชี้แจงให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ทราบถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกประมวลผล วัตถุประสงค์และเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมายในการประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพึงมี ทั้งนี้ในกรณีที่มีความขัดแย้งกันในสาระสำคัญระหว่างความในประกาศและนโยบายนี้ ให้ถือตามความในประกาศความเป็นส่วนตัวที่เฉพาะเจาะจงนั้น
ข้อ 3 วัตถุประสงค์และการเก็บรวบรวมการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
3.1. บริษัทฯ ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะดำเนินการเก็บรวบรวม และ/หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลโดยมีวัตถุประสงค์ที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม เพื่อแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงวัตถุประสงค์ดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่บริษัท หรือบุคคลต้องปฏิบัติตาม
3.2. บริษัทฯ ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะดำเนินการเก็บรวบรวม และ/หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น กรณีที่บริษัทฯ มีการดำเนินการอื่นใดนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่กำหนด บริษัทฯ จะดำเนินการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบและได้รับความยินยอมหากจำเป็น
3.3. ในกรณีที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อน เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้สามารถกระทำได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม
3.4. บริษัทฯ จะไม่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในทำนองเดียวกัน เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยชัดแจ้งเท่านั้น หรือเข้าข้อยกเว้นตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไม่จำเป็นต้องขอความยินยอม โดยบริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวด้วยความระมัดระวังภายใต้มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
ข้อ 4 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
4.1 บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคล หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล องค์กร นิติบุคคลภายนอก ซึ่งมีสัญญาอยู่กับบริษัทฯหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้บริษัทฯ เปิดเผยได้
4.2 บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทในเครือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของบริษัทฯ และเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลภายใต้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
ข้อ 5 การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยบุคคลภายนอก
บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลหรือหน่วยงานภายนอกประมวลผล โดยบริษัทฯ จะดูแลการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความลับ เช่น การแยกส่วนข้อมูลก่อนส่งข้อมูลส่วนบุคคล การจัดส่งข้อมูลเท่าที่จำเป็น รวมถึงการมีข้อตกลงรักษาความลับหรือข้อตกลงเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processing Agreement) กับผู้รับข้อมูลดังกล่าว
ข้อ 6 การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทฯ ในโครงข่ายของบริษัทฯ ที่อยู่ต่างประเทศ หรือไปยังผู้รับข้อมูลอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัทฯ เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์(server) หรือ คลาวด์ (cloud) ในประเทศต่าง ๆ บริษัทฯ จะคำนึงและพิจารณาว่าประเทศปลายทางได้ถูกรับรองว่ามีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ
กรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานไม่เพียงพอ บริษัทฯ จะดูแลการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความลับ เว้นแต่เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานไม่เพียงพอ การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศยังสามารถกระทำได้หากเข้าข้อยกเว้นกรณีเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย, ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล, เป็นการจำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญา, ป้องกันระงับอันตรายต่อชีวิต หรือเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ
ข้อ 7 ระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามระยะเวลาที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจตามวัตถุประสงค์ หรือ ตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นหากมีกฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น จัดเก็บไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จัดเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนดเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของบุคคลได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว
ข้อ 8 การรักษาความมั่นคงปลอดภัย
8.1 บริษัทฯ จะดำเนินการจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม ทั้งมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) เช่น การกำหนดรหัสผ่าน การเข้ารหัส (Secure Sockets Layer/SSL) ระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์เครือข่าย เป็นต้น และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) การกำหนดนโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศ การรักษาความลับ กำหนดสิทธิเข้าถึง การประเมินและจัดการความเสี่ยง การกำหนดหลักเกณฑ์ ข้อบังคับ โดยมีการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัดและทบทวนปรับปรุงมาตรการทั้งสองอย่างสม่ำเสมอ หรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัย ป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล การสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข นำข้อมูลไปใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ
8.2 กรรมการ ผู้บริหาร พนักงานและทุกคนของบริษัทฯ และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของบริษัทฯ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย นโยบาย ประกาศ ระเบียบ ข้อกำหนด คู่มือ หรือแนวปฏิบัติของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสำคัญ ไม่นำข้อมูลที่ได้รับมาจากการปฏิบัติงานไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นหรือทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทฯ
8.3 ทุกหน่วยงานในบริษัทฯ ต้องจัดทำและเก็บรักษาบันทึกรายการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อสามารถตรวจสอบได้ รวมถึงให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer หรือ DPO) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ สคส. เมื่อถูกร้องจอให้ส่งเอกสารหรือข้อมูลเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงการขี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อสนับสนุนการตรวจสอบและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)
ข้อ 9 การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่เกิดเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทฯ จะดำเนินการแจ้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่เมื่อบริษัทฯ ทราบถึงเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว หรือกรณีที่การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล บริษัทฯ จะดำเนินการแจ้งเหตุละเมิดพร้อมแนวทางเยียวยาเหตุละเมิดดังกล่าวให้เจ้าของข้อมูลทราบโดยไม่ชักช้า
ข้อ 10 สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิของเจ้าของข้อมูลเป็นสิทธิตามกฎหมาย โดยเจ้าของข้อมูลสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย โดยบริษัทฯ จะดำเนินการตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลโดยไม่ชักช้า ทั้งนี้หากมีกรณีที่บริษัทฯ ต้องปฏิเสธคำร้องขอ บริษัทฯ จะแจ้งเหตุแห่งการปฏิเสธให้เจ้าของข้อมูลรับทราบ
10.1 สิทธิขอเพิกถอนความยินยอม หากเจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่เจ้าของข้อมูลให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) เจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลอยู่กับบริษัทฯ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ โดยบริษัทฯ จะแจ้งถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาการถอนความยินยอมดังกล่าวให้ท่านทราบ
10.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอเข้าถึงหรือขอรับสำเนาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้ให้ความยินยอม ทั้งนี้บริษัทฯ มีสิทธิปฏิเสธคำร้องขอ หากเป็นไปตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือการเข้าถึงหรือขอรับสำเนานั้นส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น
10.3 สิทธิขอโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่บริษัทฯ ได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทฯในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ จำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพื่อสามารถดำเนินการตามสัญญาได้ตามความประสงค์ หรือ เป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
10.4 สิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในเวลาใดก็ได้ หากเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมได้โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สถิติ ทั้งนี้บริษัทฯ สามารถปฏิเสธคำร้องขอได้หากเป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ หรือกรณีที่บริษัทฯแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายสำคัญยิ่งกว่า หรือเพื่อก่อตั้ง การใช้สิทธิเรียกร้อง การปฏิบัติตามกฎหมาย
10.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หากเจ้าของข้อมูลเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทฯ ไม่มีความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
10.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว ในกรณีที่บริษัทฯอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทฯไม่มีความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
10.7 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล เจ้าของข้อมูลขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
ข้อ 11 บทกำหนดโทษ
ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินงานเรื่องใดเรื่องหนึ่งตามหน้าที่ของตน หากละเลย หรือละเว้นไม่สั่งการ หรือไม่ดำเนินการ หรือสั่งการ หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในหน้าที่ของตน อันเป็นการฝ่าฝืนนโยบาย และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล จนเป็นเหตุให้เกิดความผิดตามกฎหมาย และ/หรือความเสียหายขึ้น ผู้นั้นต้องรับโทษทางวินัยตามระเบียบของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะไม่ประนีประนอมให้กับความผิดใดๆ ที่ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบได้กระทำขึ้นและผู้นั้นต้องรับโทษทางกฎหมายตามความผิดที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ หากความผิดดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทฯ และ/หรือบุคคลอื่นใด บริษัทฯอาจพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติมต่อไป
ข้อ 12 การติดต่อสอบถามหรือใช้สิทธิ
หากท่านมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของ บริษัทฯ หรือเกี่ยวกับนโยบายนี้ หรือท่านต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คณะทำงานกำกับดูแลการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“คณะทำงาน PDPA”) ของ บริษัทฯ
สถานที่ติดต่อ : อาคารฮีดากาบิ้วดิ้งส์ เลขที่ 27 ชั้น 1,5,6,7 ซอยบางนา-ตราด 25 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กรุงเทพ 10260
ช่องทางการติดต่อ : จดหมายอิเลคทรอนิกส์ pdpa@hidakayookoo.co.th โทรศัพท์ : 02-744-1400
รายละเอียดของหน่วยงานราชการที่กำกับดูแล
กรณีที่บริษัท หรือลูกจ้าง หรือพนักงานของบริษัท ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลสามารถร้องเรียนต่อหน่วยงานที่กำกับดูแล ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
ชื่อ : สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สถานที่ติดต่อ : 120 หมู่ 3 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี)
ชั้น 7 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
โทรศัพท์ : 02 141 6993, 02 142 1033
ช่องทางการติดต่อ : pdpc@mdes.go.th
ข้อ 13 การทบทวนนโยบาย
บริษัทฯ จะทำการทบทวนนโยบายนี้อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือกรณีที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ทั้งนี้ นโยบายฯ ดังกล่าว ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป
จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
มาจากประกาศบริษัทที่ HDK-HRD 49/2567
โดยคุณยาซูโอะ อาทิตย์เรืองสิริ
ประธานบริษัท/กรรมการผู้จัดการ
ประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice)
สำหรับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า นักลงทุน และผู้ถือหุ้น
ข้อ 1 บททั่วไป
บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และในกลุ่มบริษัทฮีดากาฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่ร่วมกับบริษัท และเพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าเราจะให้ความคุ้มครองและปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และในกลุ่มบริษัทฮีดากาฯจึงจัดทำประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า นักลงทุน และผู้ถือหุ้นของบริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และในกลุ่มบริษัทฮีดากาฯ(“ประกาศฯ”) โดยจัดทำขึ้นเพื่อชี้แจงรายละเอียด และวิธีการจัดการและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ได้รับมาจากท่าน รวมถึงชี้แจงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และส่งต่อ ตลอดจนระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว อาธิ เช่น การบันทึก การจัดระบบ การจัดเก็บ การปรับเปลี่ยนหรือการดัดแปลง การเรียกคืน การส่ง โอน การเผยแพร่หรือการทำให้สามารถเข้าถึงหรือพร้อมใช้งานโดยวิธีใด ๆ การจัดเรียง การนํามารวมกัน การจํากัดหรือการห้ามเข้าถึง การลบ หรือการทำลาย (“ประมวลผล”) และสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และในกลุ่มบริษัทฮีดากาฯขอแนะนําให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจถึงข้อกําหนดต่าง ๆ ภายใต้ประกาศฯ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ข้อ 2 คำนิยาม
“บริษัทฯ” หมายถึง บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และในกลุ่มบริษัทฮีดากาฯ ให้
“ท่าน” หมายถึง ลูกค้า นักลงทุน ผู้ถือหุ้น และผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศฯกำหนด
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
“กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และให้หมายความรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต
ข้อ 3 กลุ่มหรือประเภทของบุคคลที่บริษัท ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
ภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ กลุ่มหรือประเภทของบุคคลที่บริษัททำการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ประกอบด้วย
3.1 ลูกค้า ซึ่งหมายถึง ผู้ขาย ผู้ส่งมอบ บุคคลที่ดำเนินการจ้าง หรือใช้บริการจากบริษัทฯ หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ผู้ใช้บริการเว็บไซต์ ผู้ที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลหรือขอรับบริการจากบริษัทฯ และผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับดำเนินการจ้าง หรือใช้บริการของบริษัทฯ เป็นต้น
3.2 ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า ซึ่งหมายถึง บุคคลที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของลูกค้า เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ตัวแทน หรือบุคลากรใดๆ ของลูกค้าซึ่งเป็นนิติบุคคล และให้หมายความรวมถึงผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้จัดการ ผู้สั่งซื้อ ผู้รับบริการ และผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น
3.3 นักลงทุน ซึ่งหมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลที่ต้องการหรือสนใจลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทฯ
3.4 ผู้ถือหุ้น ซึ่งหมายถึง บุคคลที่เป็นเจ้าของเงินลงทุนในกิจการ และถือเป็นผู้ที่มีบทบาทควบคุมบริษัทในทางอ้อมโดยเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการเข้าไปเป็นตัวแทนของตนในการกำกับดูแลการดำเนินงานของกิจการเพื่อประโยชน์สูงสุด
ข้อ 4 วิธีที่บริษัท เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
4.1 บริษัทฯ เก็บรวบรวม และรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
4.1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ โดยตรง
4.1.1.1 เมื่อท่านติดต่อสื่อสาร สอบถามข้อมูล ให้ความเห็นหรือคำติชมแก่บริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารเป็นในรูปแบบลายลักษณ์อักษรหรือวาจา โทรศัพท์ อีเมล โทรสาร ไปรษณีย์ การพบปะกันโดยตรง หรือโดยวิธีการอื่นใด
4.1.1.2 เมื่อท่านแสดงเจตนาเพื่อดำเนินการจ้าง หรือใช้บริการจากบริษัทฯ เข้าทำสัญญากับบริษัทฯ หรือส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏอยู่มาให้แก่บริษัทฯ(3) เมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด การร่วมงานอีเว้นท์ รับของรางวัล หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่จัดขึ้นโดยหรือในนามของบริษัทฯ เป็นต้น
4.1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ
บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติ เช่น การจัดเก็บข้อมูลบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด (Closed-circuit television: CCTV) ที่ติดตั้งในพื้นที่อาคารสำนักงาน และพื้นที่ของสำนักงานบริษัทในเครือ การเก็บรวบรวมข้อมูลทางเทคนิค กิจกรรมและรูปแบบการเข้าชม ข้อมูลประวัติการใช้งานเว็บไซต์ (Browsing) ของท่านโดยอัตโนมัติโดยใช้คุกกี้ (Cookies) และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ “ประกาศการใช้งานคุกกี้ (Cookies Notice) และ ประกาศความเป็นส่วนตัวการใช้งานกล้องวงจรปิด (CCTV Notice)” ของบริษัทฯ
4.1.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก
บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลภายนอก เช่น(1) การเก็บข้อมูลจากผู้ให้บริการต่าง ๆ ของบริษัทฯ เช่น ผู้ให้บริการประชาสัมพันธ์ และแนะนำสินค้า/บริการ เป็นต้น(2) ในบางกรณีบริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของท่าน หรือแหล่งข้อมูลทางการค้า ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลด้วยตนเองหรือได้ให้ความยินยอมแก่ผู้ใดในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังกล่าว
4.2 ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับการแจ้งถึงรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ระบุในประกาศฯ ฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือหากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน
4.3 ในกรณีที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับบริษัทฯ จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมที่บริษัทฯ ได้แจ้งไว้แก่ท่านในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยกเลิกความยินยอมโดยติดต่อมายังบริษัทฯ ตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในข้อ 11 ของประกาศฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้บริษัทฯขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำขอยกเลิกความยินยอมของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ข้อ 5 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมและประมวลผลภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่าน ให้ไว้กับบริษัทฯโดยตรง หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก ได้แก่
5.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ตำแหน่ง หมายเลขบัตรประจําตัวประชาชน หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี เป็นต้น
5.2 ข้อมูลการติดต่อ เช่น ชื่อหน่วยงาน ที่อยู่ สถานที่จัดส่ง สถานที่จัดส่งใบแจ้งหนี้ หมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร อีเมล ไลน์ เป็นต้น
5.3 ข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงิน เช่น จำนวนเงิน เงื่อนไขการชำระเงิน เลขที่บัญชีธนาคาร ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน ใบสำคัญรับเงิน และใบหักบัญชีเงินฝาก เป็นต้น
5.4 ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการลงทะเบียนเป็นลูกค้ากับบริษัทฯ หรือในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล ใบขอเปิดหน้าบัญชีลูกค้า หนังสือมอบอำนาจ สำเนาหนังสือรับรองบริษัท สำเนาภพ.20 และสัญญาซื้อ-ขาย หรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม เป็นต้น
5.5 ข้อมูลด้านเทคนิค เช่น ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP Address) และข้อมูลที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึงกัน เป็นต้น
5.6. ข้อมูลผู้ถือหุ้น เช่น ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ เลขบัญชีธนาคาร สัญชาติ จำนวนหุ้น สำเนาบัตรประชาชน
5.7. ข้อมูลอื่นๆ เช่น บันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) เป็นต้น
ข้อ 6 วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
6.1 บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ภายใต้ฐานทางกฎหมายดังต่อไปนี้ (รวมกันเรียกว่า “วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล”
ลำดับ | วัตถุประสงค์ | ฐานทางกฎหมาย |
6.1.1 | เพื่อดำเนินการประมวลผล บันทึก ดำเนินการตรวจสอบ และ/หรือจัดเก็บข้อมูลการใช้บริการ การสอบถาม และติดต่อการบริการช่องทางออนไลน์ | ฐานความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย(Legitimate Interests) |
6.1.2 | เพื่อดำเนินการประมวลผลการลงทะเบียนเข้าร่วมงานกิจกรรมของบริษัทฯและกิจกรรมที่บริษัทมีส่วนเกี่ยวข้อง | ฐานความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย(Legitimate Interests) |
6.1.3 | เพื่อการประชาสัมพันธ์ และเพื่อกิจกรรมทางการตลาดของบริษัทฯ | ฐานความยินยอม(Consent) |
6.1.4 | เพื่อการติดต่อสื่อสาร กับลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน | ฐานความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย(Legitimate Interests) |
6.1.5 | เพื่อการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทฯ และคำสั่งของหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ | การปฏิบัติตามกฎหมาย(Legal Obligation |
6.1.6 | เพื่อการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยของบุคคล และทรัพย์สินของบริษัทฯ | ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย(Legitimate Interests) |
6.1.7 | เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทฯ และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง | การปฏิบัติตามกฎหมาย(Legal Obligation |
6.1.8 | เพื่อวัตถุประสงค์ในการเชิญประชุมผู้ถือหุ้น จัดประชุมผู้ถือหุ้น การจัดการทะเบียนผู้ถือหุ้น การจ่ายเงินปันผล การติดต่อสื่อสารกับท่าน หรือการบริหารจัดการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น | ฐานสัญญา(Contract) |
6.2 เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ จะดำเนินการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดตามข้อ 6.1 ข้างต้นในส่วนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือสัญญาหรือมีความจำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญากับท่าน เป็นข้อมูลที่จําเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัทฯ อาจมีผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (บางกรณี) ในกรณีดังกล่าว บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือยกเลิกการซื้อขาย หรือการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับท่าน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
6.3 ในกรณีที่บริษัทฯ จะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะ และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ข้างต้นบริษัทฯ จะจัดให้มีนโยบายหรือประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และ/หรือมีหนังสือไปยังท่านเพื่ออธิบายการประมวลผลข้อมูลในลักษณะดังกล่าว โดยท่านควรอ่านนโยบายหรือประกาศฯเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องร่วมกับประกาศฯ ฉบับนี้ และ/หรือหนังสือดังกล่าว (บางกรณี)
ข้อ 7 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
7.1 บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมาย กำหนดให้แก่บุคคลและหน่วยงานดังต่อไปนี้
7.1.1 หน่วยงานภายในบริษัทฯ ทั้งนี้ให้รวมถึงผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และ/หรือบุคลากรภายในของบริษัทดังกล่าวเท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
7.1.2 ลูกค้าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ มอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำ หน้าที่บริหารจัดการ/ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทฯ ในการให้บริการต่างๆ เช่น การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บริการชําระเงิน บริการรับส่งไปรษณีย์ บริการรับส่งพัสดุ หรือบริการอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อาทิ ธนาคารพาณิชย์
7.1.3 ที่ปรึกษาของบริษัทฯ เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือ ผู้เชี่ยวชาญอื่นใด ทั้งภายในและภายนอกของบริษัทฯ เป็นต้น
7.1.4 หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย หรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดย อาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย หรือที่ได้รับอนุญาตตาม กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด ศาล และกรมบังคับคดี สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ นายทะเบียนผู้ถือหุ้น เป็นต้น
7.1.5 บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือ หน่วยงานนั้นๆ
7.2 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่นจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกําหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯจะขอความยินยอมจากท่านก่อน
7.3 ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น บริษัทฯจะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ หรือเพื่อทำให้แน่ใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยในบางกรณีบริษัทฯ อาจขอความยินยอมของท่านสำหรับการส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศดังกล่าว
ข้อ 8 ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ โดยระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลจะเปลี่ยนแปลงไปโดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้บริษัทฯจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเป็นระยะเวลาตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด (ถ้ามี) โดยคำนึงถึงอายุความตามกฎหมายสำหรับการดำเนินคดีที่อาจเกิดขึ้นจาก หรือเกี่ยวข้องกับเอกสารหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมไว้ในแต่ละรายการ และโดยคำนึงถึงแนวปฏิบัติของบริษัทฯและของภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทเป็นสำคัญ
หลังจากครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น บริษัทฯจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว จากการจัดเก็บหรือ ระบบของบริษัทฯและของบุคคลอื่นซึ่งให้บริการแก่บริษัทฯ (ถ้ามี) หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ เว้นแต่จะเป็นกรณีที่บริษัทฯสามารถเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้ต่อไปตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนด ทั้งนี้ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทฯ ตามรายละเอียดการติดต่อที่ ระบุไว้ในข้อ 11 ของประกาศฯ ฉบับนี้
ข้อ 9 สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล
ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านได้ตามช่องทางที่บริษัทฯ กำหนดในข้อ 11 โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับบริษัทฯ ซึ่งสิทธิต่าง ๆ มีรายละเอียด ดังนี้
9.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)
ในกรณีที่ บริษัทฯขอความยินยอมจากท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทฯได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน(ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย)
9.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access)
ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทฯได้
9.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right)
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ ได้ตามที่กฎหมายกำหนด
9.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object)
ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด
9.5 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right)
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม บริษัทฯอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจมีบางระบบที่ไม่สามารถลบข้อมูลได้ ในกรณีเช่นนั้น บริษัทฯ จะจัดให้มีการทำลายหรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้
9.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด
9.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Right to Rectification)
กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่บริษัทฯมีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
(9.8) สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint)
ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัทฯ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้
ทั้งนี้บริษัทฯขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคําร้องขอใช้สิทธิของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ข้อ 10 การแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งฉบับนี้
บริษัทฯ อาจแก้ไขปรับปรุงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น บริษัทฯจะประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ และ/หรือแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางอีเมล์ ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่าน ทางบริษัทฯจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านเพิ่มเติมด้วย
ข้อ 11 วิธีการติดต่อ
ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน การใช้สิทธิของท่าน หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้
ติดต่อสอบถามได้ที่ คณะทำงานกำกับดูแลการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (คณะทำงาน PDPA) ของ บริษัทฯ
สถานที่ติดต่อ : อาคารฮีดากาบิ้วดิ้งส์ เลขที่ 27 ชั้น 1,5,6,7 ซอยบางนา-ตราด 25 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กรุงเทพ 10260
ช่องทางการติดต่อ : จดหมายอิเลคทรอนิกส์ Email : pdpa@hidakayookoo.co.th
โทรศัพท์ : 02-744-1400
มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ประกาศเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2567
มาจากประกาศบริษัทที่ HDK-HRD 50/2567
โดยคุณยาซูโอะ อาทิตย์เรืองสิริ
ประธานบริษัทฯ/กรรมการผู้จัดการ
เรื่อง ประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice)
สำหรับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้า หรือผู้มาติดต่อธุรกิจกับทางบริษัท
ข้อ 1 บททั่วไป
บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และบริษัทในกลุ่มฮีดากาฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า หรือผู้มาติดต่อธุรกิจกับทางบริษัท เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าเราจะให้ความคุ้มครองและปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และบริษัทในกลุ่มฮีดากาฯจึงจัดทำประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้า หรือผู้มาติดต่อธุรกิจกับทางบริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และบริษัทในกลุ่มฮีดากาฯ(“ประกาศฯ”) โดยจัดทำขึ้นเพื่อชี้แจงรายละเอียด วิธีการจัดการและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากท่าน รวมถึงชี้แจงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และส่งต่อ ตลอดจนระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว เช่น การบันทึก การจัดระบบ การจัดเก็บ การปรับเปลี่ยนหรือการดัดแปลง การเรียกคืน การส่ง โอน การเผยแพร่หรือการทำให้สามารถเข้าถึงหรือพร้อมใช้งานโดยวิธีใด ๆ การจัดเรียง การนํามารวมกัน การจํากัดหรือการห้ามเข้าถึง การลบ หรือการทำลาย (“ประมวลผล”) และสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และบริษัทในกลุ่มฮีดากาฯขอแนะนําให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจถึงข้อกําหนดต่าง ๆ ภายใต้ประกาศฯ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ข้อ 2 คำนิยาม
“บริษัทฯ” หมายถึง บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และบริษัทในกลุ่มฮีดากาฯ
“ท่าน” หมายถึง ผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่อ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้าหรือคู่ค้า
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
“กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และให้หมายความรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต
ข้อ 3 กลุ่มหรือประเภทของบุคคลที่บริษัท ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
ภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ กลุ่มหรือประเภทของบุคคลที่บริษัทฯ ทำการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ประกอบด้วย
3.1 ผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้า ซึ่งหมายถึง บุคคลที่อาจเป็นคู่ค้ากับบริษัทฯ ทั้งในกรณีที่บุคคลดังกล่าวได้แสดงเจตนาจะเข้าทำสัญญา และ/หรือจะลงทะเบียนเป็นคู่ค้าของบริษัทฯ และในกรณีที่บริษัทฯ เป็นฝ่ายเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยการตัดสินใจของบริษัทฯ เช่น ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ วิทยากร คู่สัญญา หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นต้น
3.2 คู่ค้า ซึ่งหมายถึง บุคคลที่เข้าเสนอราคาเพื่อขายสินค้า และ/หรือให้บริการแก่บริษัทฯ หรือได้ลงทะเบียนเป็นคู่ค้ากับทางบริษัทฯ หรือมีความสัมพันธ์อื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับบริษัทฯ เช่น ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ วิทยากร คู่สัญญา หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นต้น
3.3 ผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้าหรือคู่ค้า ซึ่งหมายถึง บุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้าหรือคู่ค้า เช่น กรรมการ พนักงาน ตัวแทน หรือบุคลากรของผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้าหรือคู่ค้าซึ่งเป็นนิติบุคคล และให้หมายความรวมถึงผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้จัดการ ผู้สั่งซื้อ ผู้รับสินค้า และผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น
3.4 ผู้มาติดต่อ ซึ่งหมายถึง บุคคลภายนอกที่เข้ามาติดต่อกับทางบริษัท เพื่อติดต่องาน ขอเข้าอาคาร ทำงานรับเหมาในอาคาร หรือ ทำธุรกรรมใดๆกับบริษัท
ข้อ 4 วิธีที่บริษัท เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
4.1 บริษัทฯ เก็บรวบรวม และรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
4.1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ โดยตรง
ท่านอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทฯ โดยตรง เช่น เมื่อท่านกรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์ หรือช่องทางอื่น เมื่อท่านเข้าทำสัญญากับบริษัทฯ เมื่อท่านส่งมอบเอกสารและสำเนาเอกสารต่างๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏอยู่มาให้กับบริษัทฯ เมื่อท่านสอบถามข้อมูล ให้ความเห็น หรือคำติชม หรือส่งข้อร้องเรียนต่อบริษัทฯ ทางโทรศัพท์ อีเมล โทรสาร ทางไปรษณีย์ หรือแอปพลิเคชัน เป็นต้น
4.1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ
บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติ เช่น การจัดเก็บข้อมูลบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด (Closed-circuit television: CCTV) ที่ติดตั้งในพื้นที่อาคารสำนักงาน และพื้นที่ของสาขาต่าง ๆ การเก็บรวบรวมข้อมูลทางเทคนิค กิจกรรมและรูปแบบการเข้าชม ข้อมูลประวัติการใช้งานเว็บไซต์ (Browsing) ของท่านโดยอัตโนมัติโดยใช้คุกกี้ (Cookies) และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ “ประกาศการใช้งานคุกกี้ (Cookies Notice) และ ประกาศความเป็นส่วนตัวการใช้งานกล้องวงจรปิด (CCTV Notice)” ของบริษัท
4.1.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก
บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลภายนอก เช่น การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของท่าน หรือ แหล่งข้อมูลทางการค้า เป็นต้น
4.2 ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับการแจ้งถึงรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ระบุในประกาศฯ ฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือหากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน
4.3 ในกรณีที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับบริษัทฯ จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมที่บริษัทฯ ได้แจ้งไว้แก่ท่านในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยกเลิกความยินยอมโดยติดต่อมายังบริษัทฯ ตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในข้อ 11 ของประกาศฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้บริษัทฯขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำขอยกเลิกความยินยอมของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ข้อ 5 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมและประมวลผลภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่าน ให้ไว้กับบริษัทฯ โดยตรง หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก ได้แก่
5.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล หมายเลขบัตรประจําตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง ลายมือชื่อ วันเกิด เป็นต้น
5.2 ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่อาศัยตามบัตรประชาชน ที่อยู่อาศัยตามทะเบียนบ้าน หมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร อีเมลเป็นต้น
5.3 ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขาย เช่น รหัสคู่ค้า รายละเอียดของสินค้า หรือบริการที่ต้องการ รายละเอียดการส่งสินค้า หรือการให้บริการ เลขที่บัญชีธนาคาร และจำนวนเงิน เป็นต้น
5.4 ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการลงทะเบียนเป็นคู่ค้ากับบริษัทฯ หรือในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาบัตรประชาชน เลขที่ประจำตัวผู้เสียภาษี สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาหนังสือมอบอำนาจ สำเนาหนังสือรับรองบริษัท ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน บิลเงินสดหรือใบแทนใบเสร็จรับเงิน เช็คและต้นขั้วเช็ค ใบสำคัญจ่าย สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร สำเนาบัตรกรรมการ ใบตอบรับการโอนเงิน สำเนาใบภพ.20 สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหรือธุรกิจต่าง ๆ และสัญญา เป็นต้น
5.5 ข้อมูลด้านเทคนิค เช่น ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP Address) และข้อมูลที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึงกัน เป็นต้น
5.6 ข้อมูลอื่น ๆ เช่น บันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) เป็นต้น
ข้อ 6 วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
6.1 บริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ภายใต้ฐานทางกฎหมายดังต่อไปนี้ (รวมกันเรียกว่า “วัตถุประสงค์การประมวลผลขอมูลส่วนบุคคล”)
ข้อที่ | วัตถุประสงค์ | ฐานทางกฎหมาย |
1.1 | เพื่อวัตถุประสงค์ในการรวบรวมรายชื่อผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้า ผู้มาติดต่อหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน สำหรับการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทฯ | ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย(Legitimate Interests) |
1.2 | เพื่อการดำเนินการตามกระบวนการต่าง ๆ ก่อนเข้าทำสัญญา เช่น การขึ้นทะเบียนคู่ค้า การพิจารณาคุณสมบัติของคู่ค้า และ/หรือการทำสัญญาปกปิดความลับทางการค้าของบริษัท เป็นต้น | ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย(Legitimate Interests) |
1.3 | เพื่อความจำเป็นในการทำธุรกรรมระหว่างคู่ค้ากับบริษัทฯ เช่น การลงทะเบียนคู่ค้ารายใหม่ หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน การตรวจสอบยืนยันตัวตน การตรวจสอบอำนาจ การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจ รวมทั้งเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง การดำเนินการตามกฎ ระเบียบ และกระบวนการภายในต่าง ๆ ของบริษัท การพิจารณา จัดทำ และลงนามในสัญญาทางการค้า | การปฏิบัติตามสัญญา(Contractual Basis) |
1.4 | เพื่อการดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลคู่ค้าในระบบสารสนเทศของบริษัทฯ | ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย(Legitimate Interests) |
1.5 | การปฏิบัติตามสัญญาว่าจ้าง สัญญาบริการ สัญญาทางการค้าอื่น ๆ และความตกลงหรือความร่วมมือที่เกี่ยวข้อง ระหว่างบริษัท และคู่สัญญา รวมถึงกระบวนการขอและพิจารณาเอกสารที่เกี่ยวข้องอันอาจมีข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการบริษัทซึ่งเป็นบุคคลภายนอก | การปฏิบัติตามสัญญา(Contractual Basis) |
1.6 | เพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อสื่อสารกับคู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน | ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย(Legitimate Interests) |
1.7 | เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทฯ และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง | การปฏิบัติตามกฎหมาย(Legal Obligation) |
1.8 | เพื่อการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยของบุคคล และทรัพย์สินของบริษัทฯ | ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย(Legitimate Interests) การป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพบุคคล(Vital Interests) |
1.9 | เพื่อการดำเนินการใด ๆ ที่จําเป็น และเป็นประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดข้างต้น | ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย(Legitimate Interests) |
6.2 เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ จะดำเนินการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดตามข้อ 6.1 ข้างต้นในส่วนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือสัญญาหรือมีความจำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญากับท่าน เป็นข้อมูลที่จําเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัทฯ อาจมีผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (บางกรณี) ในกรณีดังกล่าวบริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือยกเลิกการซื้อขาย หรือการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับท่าน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
6.3 ในกรณีที่บริษัทฯ จะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะ และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ข้างต้น บริษัทฯจะจัดให้มีนโยบายหรือประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และ/หรือมีหนังสือไปยังท่านเพื่ออธิบายการประมวลผลข้อมูลในลักษณะดังกล่าว โดยท่านควรอ่านนโยบายหรือประกาศเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องร่วมกับประกาศฯ ฉบับนี้ และ/หรือหนังสือดังกล่าว (บางกรณี)
ข้อ 7 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
7.1 บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมาย กำหนดให้แก่บุคคลและหน่วยงานดังต่อไปนี้
7.1.1 หน่วยงานภายในบริษัทฯ ทั้งนี้ให้รวมถึงผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และ/หรือบุคลากรภายในของบริษัทดังกล่าวเท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
7.1.2 คู่ค้าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ มอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำ หน้าที่บริหารจัดการ/ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทฯ ในการให้บริการต่างๆ เช่น การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บริการชําระเงิน บริการรับส่งไปรษณีย์ บริการรับส่งพัสดุ หรือบริการอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อาทิ ธนาคารพาณิชย์
7.1.3 ที่ปรึกษาของบริษัทฯ เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือ ผู้เชี่ยวชาญอื่นใด ทั้งภายในและภายนอกของบริษัทฯ เป็นต้น
7.1.4 หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย หรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดย อาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย หรือที่ได้รับอนุญาตตาม กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด ศาล และกรมบังคับคดี เป็นต้น
7.1.5 บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือ หน่วยงานนั้น ๆ
7.2 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่นจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกําหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯจะขอความยินยอมจากท่านก่อน
7.3 ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น บริษัทฯจะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ หรือเพื่อทำให้แน่ใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยในบางกรณีบริษัทฯ อาจขอความยินยอมของท่านสำหรับการส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศดังกล่าว
ข้อ 8 ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ โดยระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลจะเปลี่ยนแปลงไปโดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้บริษัทฯจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเป็นระยะเวลาตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด (ถ้ามี) โดยคำนึงถึงอายุความตามกฎหมายสำหรับการดำเนินคดีที่อาจเกิดขึ้นจาก หรือเกี่ยวข้องกับเอกสารหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมไว้ในแต่ละรายการ และโดยคำนึงถึงแนวปฏิบัติขอ บริษัทฯและของภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่นิติสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัทฯ สิ้นสุดลง อย่างไรก็ดี บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเกินกว่าระยะเวลาดังกล่าวหากกฎหมายอนุญาตหรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจำเป็นต่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องทางกฎหมายของบริษัทฯ
หลังจากครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น บริษัทฯจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว จากการจัดเก็บหรือ ระบบของบริษัทฯและของบุคคลอื่นซึ่งให้บริการแก่บริษัทฯ (ถ้ามี) หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่ สามารถระบุตัวท่านได้ เว้นแต่จะเป็นกรณีที่บริษัทฯ สามารถเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้ต่อไปตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนด ทั้งนี้ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทฯ ตามรายละเอียดการติดต่อที่ ระบุไว้ในข้อ 11 ของประกาศฯ ฉบับนี้
ข้อ 9 สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล
ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านได้ตามช่องทางที่บริษัทฯ กำหนดในข้อ 11 โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับบริษัทฯ ซึ่งสิทธิต่าง ๆ มีรายละเอียด ดังนี้
9.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)
ในกรณีที่ บริษัทฯขอความยินยอมจากท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทฯได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน(ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย)
9.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access)
ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทฯได้
9.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right)
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ ได้ตามที่กฎหมายกำหนด
9.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object)
ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด
9.5 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right)
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม บริษัทฯอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจมีบางระบบที่ไม่สามารถลบข้อมูลได้ ในกรณีเช่นนั้น บริษัทฯ จะจัดให้มีการทำลายหรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้
9.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด
9.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Right to Rectification)
กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่บริษัทฯมีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
9.8 สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint)
ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัทฯ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้
ทั้งนี้บริษัทฯขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคําร้องขอใช้สิทธิของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ข้อ 10 การแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศฉบับนี้
บริษัทฯ อาจแก้ไขปรับปรุงประกาศเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น บริษัทฯจะประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ และ/หรือแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางอีเมล์ ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่าน ทางบริษัทฯจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านเพิ่มเติมด้วย
ข้อ 11 วิธีการติดต่อ
ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน การใช้สิทธิของท่าน หรือมีข้อร้องเรียนใดๆ ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้
ติดต่อสอบถามได้ที่ คณะทำงานกำกับดูแลการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (คณะทำงาน PDPA) ของ บริษัทฯ
สถานที่ติดต่อ : อาคารฮีดากาบิ้วดิ้งส์ เลขที่ 27 ชั้น 1,5,6,7 ซอยบางนา-ตราด 25 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กรุงเทพ 10260
ช่องทางการติดต่อ : จดหมายอิเลคทรอนิกส์ info@hidakayookoo.co.th , personnel-all@hidakayookoo.co.th
โทรศัพท์ : 02-744-1400
มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ประกาศเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2567
มาจากประกาศบริษัทที่ HDK-HRD 52/2567
โดยคุณยาซูโอะ อาทิตย์เรืองสิริ
ประธานบริษัทฯ/กรรมการผู้จัดการ
ประกาศบริษัทที่ HDK-HRD 53/2567
เรื่อง ประกาศความเป็นส่วนตัวการใช้งานกล้องวงจรปิด (CCTV Notice)
ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ (“ประกาศ”) จะอธิบายเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์กล้องวงจรปิด (CCTV) ที่ บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และบริษัทในกลุ่มฮีดากาฯ (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัท”) ได้ใช้อุปกรณ์ CCTV พร้อมกับระบบต่างๆ สำหรับการตรวจสอบภายในพื้นที่ใดเป็นการเฉพาะ รวมถึงพื้นที่รอบ ๆ บริเวณของสถานที่ อาคาร และพื้นที่ใด ๆ เพื่อการป้องกันชีวิต อนามัย และทรัพย์สิน โดยมีข้อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้าง กรรมการบริษัท ลูกค้า คู่ค้า ผู้ปฏิบัติงาน ผู้มาติดต่อ หรือบุคคลใดก็ตาม (ซึ่งจะรวมเรียกว่า “ท่าน” หรือ “ของท่าน) ที่ได้เข้าไปอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่ทำการตรวจสอบภายในอาคารและพื้นที่ใด ๆ ดังกล่าว นอกจากนี้ ประกาศฉบับนี้อธิบายถึงวิธีการในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และการส่งหรือโอนย้ายข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) ของท่าน และระบุถึงวิธีการในการจัดการหรือการใช้ระบบ CCTV ของบริษัททั้งนี้ บริษัทอาจทำการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศฉบับนี้ได้ทุกเมื่อและจะแจ้งถึงการแก้ไขดังกล่าวให้ท่านได้ทราบเท่าที่จะดำเนินการได้
1. ข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดบ้างที่บริษัทเก็บรวบรวม
บริษัทจะทำการเก็บภาพเคลื่อนไหวหรือภาพนิ่งซึ่งสามารถที่จะสามารถจดจำได้ว่าเป็นท่าน เสียงของท่าน รวมถึงทรัพย์สินของท่าน อาทิ ยานพาหนะ เมื่อเข้าไปในพื้นที่ที่ได้ทำการตรวจสอบภายในสถานที่ อาคาร และพื้นที่ใด ๆ ของบริษัทผ่านระบบและอุปกรณ์ CCTV (ข้อมูลจาก CCTV)
2. วัตถุประสงค์ในเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
2.1 บริษัทอาจทำการรวบรวม เก็บภาพ ใช้ เปิดเผย โอน และดำเนินการใดๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการบันทึกการเก็บบันทึก การปรับเปลี่ยน การแก้ไข การดัดแปลง การทำลาย การลบ การกู้คืน การรวม การทำสำเนา การส่งผ่าน การเก็บรักษา การถอน การปรับปรุง การเพิ่มเติม ต่อข้อมูลจาก CCTV เกี่ยวกับท่านและข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับท่าน สำหรับ “วัตถุประสงค์การตรวจสอบโดย CCTV” ตามรายการที่ระบุไว้ด้านล่าง จะกระทำบนฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อประโยชน์ต่อชีวิต เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์สาธารณะ ตามความยินยอมที่ได้รับ หรือตามฐานอื่นใดที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่บังคับใช้ในประเทศไทย (โดยที่ผลประโยชน์เหล่านั้นจะไม่เป็นการก้าวล่วงต่อสิทธิและผลประโชน์ของบุคคลใด) ซึ่งอาจพิจารณาได้ตามกรณีดังนี้
2.1.1 เพื่อปกป้องชีวิต ร่างกาย ความปลอดภัยอนามัยส่วนบุคคล และ/หรือทรัพย์สินส่วนตัวของท่าน
2.1.2 เพื่อควบคุมการเข้ามาภายในอาคารและเพื่อการรักษาความปลอดภัยของอาคาร บุคลากร พนักงาน และผู้มาติดต่อ รวมทั้งทรัพย์สินและข้อมูล ของบริษัทที่ตั้งอยู่หรือเก็บไว้ในสถานที่นั้น ๆ
2.1.3 เพื่อการปกป้อง/ป้องกันสถานที่ อาคาร พื้นที่ต่าง ๆ และทรัพย์สินของบริษัทจากความเสียหาย การหยุดชะงัก การทำลาย และอาชญากรรมอื่น ๆ
2.1.4 เพื่อช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทอย่างมีประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นในขณะทำการลงโทษทางวินัยหรือการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์
2.1.5 เพื่อช่วยเหลือในการสืบสวนสอบสวนหรือการดำเนินการเกี่ยวกับการร้องเรียน และการแจ้งเบาะแส
2.1.6 เพื่อนำไปใช้ในการพิสูจน์หรือหักล้างในการดำเนินคดีทางแพ่ง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแรงงาน
2.1.7 เพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัทและ/หรือ การให้ความร่วมมือกับศาล หน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย สำหรับการใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเพื่อความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน บริษัทเล็งเห็นว่าการใช้ระบบ CCTV เป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามภาระหน้าที่เหล่านั้นได้
2.1.8 เพื่อการใช้สิทธิของบริษัทหรือปกป้องผลประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทในกรณีที่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น เพื่อระงับยับยั้ง ป้องกันและตรวจจับการประพฤติมิชอบ อาชญากรรมหรือการฝ่าฝืนกฎหมาย ติดตามเหตุการณ์ เพื่อป้องกันและรายงานการประพฤติมิชอบหรืออาชญากรรมในร้านค้าของบริษัทและเพื่อปกป้องความปลอดภัยและความมั่นคงของธุรกิจของบริษัท บริษัทจะพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทและของบุคคลที่สาม และสิทธิขั้นพื้นฐานและเสรีภาพของท่านที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องข้อมูลบนระบบ CCTV ที่เกี่ยวข้องกับท่าน ตามแต่กรณี บริษัทจะพยายามระบุถึงขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อให้เกิดความสมดุลที่เหมาะตามแต่สมควร
2.2 บริษัทจะติดตั้งอุปกรณ์ CCTV ที่จุดสำคัญภายในสถานที่ อาคารและพื้นที่ต่าง ๆ ของบริษัทยกเว้นบางพื้นที่ เช่น ห้องสุขา เป็นต้น
2.3 ระบบ CCTV ของบริษัทเปิดใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัททำการเฝ้าดูผ่านอุปกรณ์ ยกเว้นในกรณีที่อุปกรณ์/ระบบเกิดความขัดข้อง และ/หรือต้องทำการซ่อมบำรุง
2.4 บริษัทจะจัดวางป้ายตามความเหมาะสมในสถานที่ที่มีการใช้งานระบบ CCTV
3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลภายนอก
3.1 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับท่านในระบบ CCTV ไว้เป็นความลับ และจะทำการเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเฉพาะเพียงบริษัทลูก บริษัทในเครือของบริษัท บุคคลภายนอกอื่น ๆ ที่จะถูกคัดเลือกอย่างระมัดระวังในเวลานี้หรือในอนาคต ผู้ได้รับอนุญาต พันธมิตรกิจการร่วมค้า และ/หรือผู้ให้บริการ (ซึ่งอาจตั้งอยู่ในต่างประเทศ) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การตรวจสอบโดย CCTV ตามที่ระบุไว้ในประกาศนี้
3.2 บุคคลภายนอกซึ่งบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลจากระบบ CCTV และข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับท่าน ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยต่อบริษัทในเครือของบริษัท (เป็นส่วนหนึ่งของประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทและประโยชน์ของบริษัทในเครือของบริษัท เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การตรวจสอบโดย CCTV) หน่วยงานภาครัฐ และ/หรือองค์กรที่ทำหน้าที่กำกับดูแล (เพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมาย หรือเพื่อสนับสนุนหรือช่วยเหลือแก่องค์กรบังคับใช้กฎหมายในเรื่องการสอบสวนและดำเนินคดีทางแพ่งหรือทางอาญา) และผู้ให้บริการบุคคลที่สาม (ตามขั้นตอนที่จำเป็นของบริษัทเพื่อให้แน่ใจว่า บริษัทจะให้การคุ้มครองต่อสุขภาพและความปลอดภัยส่วนบุคคล และทรัพย์สินของท่าน) อย่างไรก็ตามการเข้าถึงข้อมูลระบบ CCTV นั้น อาจเป็นการเข้าถึงหรือเปิดเผยได้เท่าที่จำเป็นเพื่อจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งอยู่ภายใต้หนึ่งในวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในข้อ 3.2 นี้ หรือเพื่อตอบสนองการร้องขอของบุคคลตามกฎหมายภายใต้ข้อ 2.1
4. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ
บริษัทอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากระบบ CCTV (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับสุขภาพ ความปลอดภัยส่วนบุคคลและทรัพย์สินของท่าน) ไปยังผู้ให้บริการบุคคลที่สามที่อยู่นอกประเทศไทย และการเปิดเผยหรือถ่ายโอนดังกล่าวจะกระทำต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากท่าน หรือมีพื้นฐานตามกฎหมายอื่นที่บังคับให้กระทำตามที่กฎหมายอนุญาตไว้ (เพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดของสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่าน) โดยที่ประเทศปลายทางดังกล่าวอาจมีหรือไม่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่คล้ายคลึงกับประเทศไทย อย่างไรก็ตาม บริษัทจะทำให้มั่นใจได้ว่าการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้กระทำตามกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแล้วก่อนจะดำเนินการโอนข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
5. มาตรการรักษาความปลอดภัย
5.1 บริษัทจะจัดให้มีระบบเทคนิค และการบริหารจัดการมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันข้อมูลจากระบบ CCTV และข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับท่านจากการถูกทำลาย การสูญหาย การเข้าถึง การใช้งาน การเปลี่ยนแปลง หรือการเปิดเผย โดยไม่ได้ตั้งใจ โดยผิดกฎหมาย หรือโดยไม่ได้รับอนุญาต
5.2 บริษัทจะทบทวนและปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยของบริษัทเป็นครั้งคราวตามความจำเป็น หรือเมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยมีประสิทธิภาพและเหมาะสม สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมายขั้นต่ำ ตามที่กำหนดโดยหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
6. ระยะเวลาในการที่บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
เราจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไว้ภายใน 90 วัน หรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายฉบับนี้ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นหากมีกฎหมายกำหนดไว้ เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว เราจะลบ ทำลาย หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของคุณได้
บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้มาจากระบบ CCTV ไว้ในระบบของบริษัท จัดเก็บไม่เกิน 90 วัน นับจากวันที่บันทึกข้อมูล เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การตรวจสอบโดย CCTV หากบริษัทไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่ใช้บังคับในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากระบบ CCTV อีกต่อไป บริษัทจะทำการลบข้อมูลเหล่านั้นออกจากระบบและการบันทึกของบริษัท อย่างไรก็ตามบริษัทอาจทำการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากระบบ CCTV เป็นระยะเวลานานขึ้น ตัวอย่างเช่น ทำการเก็บไว้จนกว่าจะสิ้นสุดของการดำเนินการตามกฎหมาย หรือมีกฎหมายที่กำหนดระยะเวลาในการเก็บข้อมูลที่ยาวนานกว่า หรือมีข้อมูลระบบ CCTV บางอย่างซึ่งต้องทำการเก็บรักษาไว้สำหรับการดำเนินการต่อเหตุการณ์บางเรื่อง หรือเพื่อตอบสนองต่อข้อเรียกร้องจากบุคคลหนึ่งบุคคลใดในการใช้สิทธิตามกฎหมาย
7. ท่านมีสิทธิอย่างไรเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมายและข้อยกเว้นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ท่านอาจมีสิทธิในการขอเข้าถึง และ/หรือขอรับสำเนา โอนย้าย แก้ไข ลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลกลายเป็นข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนในข้อมูลส่วนบุคคลบางประเภทของท่านที่บริษัทมี ระงับและ/หรือคัดค้านกิจกรรมบางประเภทที่บริษัทมีและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีที่การดำเนินการใดของบริษัทกระทำภายใต้ความยินยอมของท่าน ท่านอาจเพิกถอนความยินยอมของท่านได้ แต่อาจเป็นสาเหตุให้บริษัทไม่สามารถให้บริการของบริษัทแก่ท่านได้อย่างเต็มที่ ท่านอาจมีสิทธิร้องขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่านได้อย่างไร อีกทั้งยังอาจยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายที่บังคับใช้ ในกรณีที่ท่านจำเป็นต้องให้หน่วยงานของบริษัท ส่งต่อข้อมูล CCTV ไปยังผู้อื่น หรือในกรณีที่ท่านจำเป็นต้องใช้ข้อมูล CCTV นั้น ท่านอาจจะต้องมีหลักฐานจากทางเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหรือหน่วยงานที่มีอำนาจทางกฎหมายในการนำข้อมูล CCTV ออกไปยังภายนอก
8. รายละเอียดการติดต่อบริษัท
หากท่านมีข้อซักถามหรือข้อสงสัยประการใด หรือมีความประสงค์ที่จะใช้สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลระบบ CCTV โปรดติดต่อบริษัท ที่รายละเอียดผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
ติดต่อสอบถามได้ที่ คณะทำงานกำกับดูแลการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (คณะทำงาน PDPA) ของ บริษัทฯ
สถานที่ติดต่อ : อาคารฮีดากาบิ้วดิ้งส์ เลขที่ 27 ชั้น 1,5,6,7 ซอยบางนา-ตราด 25 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กรุงเทพ 10260
ช่องทางการติดต่อ : จดหมายอิเลคทรอนิกส์ Email : pdpa@hidakayookoo.co.th
โทรศัพท์ : 02-744-1400
9. การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้
บริษัทอาจทำการเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และที่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง บริษัทจะประกาศให้ทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใด ๆ ด้วยช่องทางที่เหมาะสม
ประกาศนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2567
มาจากประกาศบริษัทที่ HDK-HRD 53/2567
โดยคุณยาซูโอะ อาทิตย์เรืองสิริ
ประธานบริษัทฯ/กรรมการผู้จัดการ
ประกาศบริษัทที่ HDK-HRD 54/2567
เรื่อง ประกาศความเป็นส่วนตัวการใช้งานคุกกี้ (Cookies Notice)
ข้อ 1 บททั่วไป
บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และบริษัทในกลุ่มฮีดากาฯ (“บริษัทฯ”) ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต (“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) บริษัทฯ จึงจัดทำประกาศการใช้งานคุกกี้ (Cookies Notice) เพื่อให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์ (“ท่าน”) ได้ทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลคุกกี้ของบริษัทฯ
“คุกกี้ (Cookies)” หมายถึง Text files ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ของท่านที่ใช้เพื่อจัดเก็บรายละเอียดข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ (Log) การใช้งานอินเตอร์เน็ต (Internet) ของท่าน หรือพฤติกรรมการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของท่าน
2. วัตถุประสงค์ในการใช้คุกกี้
บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ จากผู้เข้าเยี่ยมชมทุกรายผ่านคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีที่ใกล้เคียง และบริษัทฯใช้คุกกี้เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประสิทธิภาพในการเข้าถึงบริการของบริษัทฯ ผ่านอินเตอร์เน็ต รวมถึงพัฒนาประสิทธิภาพในการใช้งานบริการของบริษัทฯทางอินเตอร์เน็ต โดยจะใช้เพื่อกรณี ดังต่อไปนี้
2.1 เพื่อช่วยจดจำข้อมูลเกี่ยวกับเบราว์เซอร์และการตั้งค่าของท่าน ช่วยให้ท่านเข้าใช้บริการเว็บไซต์ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสบการณ์และความพึงพอใจในการใช้บริการ
2.2 เพื่อช่วยประเมินประสิทธิภาพและผลการให้บริการเว็บไซต์ที่ยังทำงานได้ไม่ดีและควรปรับปรุง
2.3 เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการเข้าเยี่ยมชมและใช้บริการเว็บไซต์ ที่จะทำให้บริษัทฯเข้าใจว่า
ผู้คนมีความสนใจอะไร
2.4 เพื่อให้บริษัทฯได้ส่งมอบประสบการณ์ในการใช้บริการเว็บไซต์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับท่าน รวมถึงช่วยให้ สามารถสื่อสารบริการและการประชาสัมพันธ์ได้ตรงตามสิ่งที่ท่านสนใจ
2.5. เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้เราวัดจำนวนครั้งในการเข้าชมเว็บไซต์และการตอบสนองของท่านที่มีต่อผลิตภัณฑ์ที่บริษัทจัดแสดง ช่วยในด้านการปรับปรุงเว็บไซต์
2.6. เพื่อให้บริษัทได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายหรือใช้เพื่อเผยแพร่โฆษณาที่จะดึงความสนใจของท่าน นอกจากนี้ยังใช้เพื่อจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะพบเนื้อหาโฆษณา และเพื่อช่วยในการประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา
2.7. เพื่อให้บริษัทได้พัฒนาการให้บริการแก่ท่าน โดยคุกกี้บางประเภทที่บริษัทใช้มีความสำคัญต่อการทำงานของบริการบนเว็บไซต์ ในขณะที่คุกกี้บางประเภทใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูล (สถิติ) การใช้งานของท่านบนเว็บไซต์ เพื่อให้บริษัทสามารถพัฒนาบริการบนเว็บไซต์ให้สะดวกสบายในการใช้งานและเป็นประโยชน์แก่ท่าน คุกกี้บางประเภทเป็นคุกกี้ที่มีอยู่ชั่วคราวซึ่งจะหายไปเมื่อท่านปิดเบราว์เซอร์ ในขณะที่คุกกี้บางตัวจะคงอยู่ในคอมพิวเตอร์ของท่านไปอีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ บริษัทยังมีการใช้งาน Local คุกกี้ ซึ่งเป็นคุกกี้ที่มาพร้อมกับโฆษณาในระดับท้องถิ่นต่างๆ โดยคุกกี้เหล่านี้จะหายไปเมื่อโฆษณาดังกล่าวสิ้นสุดลง
ในกรณีท่านไม่ให้ความยินยอมในการใช้คุกกี้หรือปิดการใช้งานคุกกี้บางประเภทอาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทฯ ที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และอาจทำให้ท่านไม่ได้รับความสะดวก หรือไม่สามารถเข้าถึงการใช้งานในบางส่วนของเว็บไซต์บริษัทฯ
3. ประเภทของคุกกี้ที่บริษัทใช้
เว็บไซต์ของบริษัท มีการใช้คุกกี้ทั้งของบริษัท (First party cookies) และคุกกี้ที่เป็นของบุคคลอื่น (Third party cookies) ซึ่งกำหนดและตั้งค่าโดยผู้ให้บริการบุคคลภายนอก เช่น บริษัทภายนอกที่บริษัทฯ ใช้บริการ หรือร่วมธุรกิจ เพื่อเพิ่มเติมคุณสมบัติของการทำงานให้กับเว็บไซต์ของบริษัทฯ
คุกกี้ ที่บริษัทฯใช้ อาจแบ่งได้ 2 ประเภทตามการจัดเก็บและระยะเวลา ดังนี้
3.1 Session Cookies เป็นคุกกี้ที่จะอยู่ชั่วคราวเพื่อจดจำท่านในระหว่างที่ท่านเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ เพื่อเฝ้าติดตามภาษาที่ท่านได้ตั้งค่าและเลือกใช้ และจะมีการลบออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของท่าน เมื่อท่านออกจากเว็บไซต์หรือได้ทำการปิดเว็บเบราว์เซอร์
3.2 Persistent Cookie เป็นคุกกี้ที่จะอยู่ตามระยะเวลาที่กำหนด หรือจนกว่าท่านจะลบออก คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของบริษัทฯ จดจำท่านและการตั้งค่าต่าง ๆ ของท่านเมื่อท่านกลับมาใช้บริการเว็บไซต์อีกครั้ง ซึ่งจะช่วยให้ท่านเข้าใช้บริการเว็บไซต์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
4. วิธีปิดคุกกี้
ท่านสามารถปิดการทำงานของคุกกี้ได้ โดยการตั้งค่าเบราว์เซอร์ของท่าน และตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเพื่อระงับการรวบรวมข้อมูลโดยคุกกี้ในอนาคต รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาได้จากบราวเซอร์ที่ท่านใช้งาน
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความจำเป็นต้องใช้คุกกี้บางประเภทเพื่อให้เว็บไซต์สามารถใช้การได้ ในขณะที่คุกกี้บางประเภทจะถูกใช้งานเพื่อพัฒนาการทำงานของเว็บไซต์และเพื่อประสบการณ์ในการใช้งานของท่าน
5. การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของบุคคลภายนอก
นโยบายฉบับนี้ ใช้เฉพาะสำหรับการให้บริการของบริษัท ในการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทฯ เท่านั้น หากท่านได้กดลิงค์ไปยังเว็บไซต์อื่น (แม้ผ่านช่องทางในเว็บไซต์ของบริษัทฯ) ท่านจะต้องศึกษาและปฏิบัติตามนโยบายที่ปรากฎในเว็บไซต์นั้นๆ แยกต่างหากจากของบริษัทฯ
6. การเปลี่ยนแปลงประกาศ
บริษัทมีการพิจารณาทบทวนและอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายการใช้คุกกี้ฉบับนี้ตามความเหมาะสมอยู่เป็นระยะเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าชมหรือผู้ใช้เว็บไซต์จะได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม ผู้เข้าชมหรือผู้ใช้เว็บไซต์สามารถเข้าเยี่ยมชมหน้าเว็บไซต์นี้ หากต้องการทราบนโยบายการใช้คุกกี้ฉบับปรับปรุงของบริษัท
7. ช่องทางการติดต่อ รายละเอียดผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
ติดต่อสอบถามได้ที่ คณะทำงานกำกับดูแลการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (คณะทำงาน PDPA) ของ บริษัทฯ
สถานที่ติดต่อ : อาคารฮีดากาบิ้วดิ้งส์ เลขที่ 27 ชั้น 1,5,6,7 ซอยบางนา-ตราด 25 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กรุงเทพ 10260
ช่องทางการติดต่อ : จดหมายอิเลคทรอนิกส์ pdpa@hidakayookoo.co.th โทรศัพท์ : 02-744-1400
ประกาศนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2567
มาจากประกาศบริษัทที่ HDK-HRD 54/2567
โดยคุณยาซูโอะ อาทิตย์เรืองสิริ
ประธานบริษัทฯ/กรรมการผู้จัดการ
ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)
สำหรับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับ ผู้สมัครงาน หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครงาน
บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (“บริษัท”) เคารพและให้ความสำคัญในสิทธิความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน ผู้สมัครเข้าฝึกงาน (“ท่าน หรือ ผู้สมัคร”) และมีความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของบริษัท และมุ่งมั่นที่จะจัดการข้อมูลดังกล่าว ด้วยวิธีการที่มั่นคงปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ในการนี้ บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) สำหรับผู้สมัครฉบับนี้ (“ประกาศ”) เพื่ออธิบายถึงวิธีการปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว และชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ การเปิดเผย และวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมแจ้งสิทธิต่าง ๆ ของท่าน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
ข้อ 1 คำนิยาม
“ผู้สมัคร” หมายถึง ผู้สมัครงาน ผู้สมัครเข้าฝึกงาน ไม่ว่าด้วยวิธีการยื่นสมัครงานผ่านช่องทางใดก็ตาม เช่น การสมัครด้วยตัวผู้สมัครเอง (Walk-in) ผ่านไปรษณีย์ ผ่านอีเมล ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทหรือบุคคลที่สาม ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย และไม่ว่าการสมัครงานนั้นจะดำเนินการโดยผู้สมัครเอง หรือเป็นการรับสมัครงานภายในบริษัท หรือผ่านการแนะนำของบุคคล หน่วยงาน และ/หรือสถาบันการศึกษา หรือที่ผ่านการดำเนินการของผู้ให้บริการจัดหางาน
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน ตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
ข้อ 2. ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านซึ่งอาจได้แก่ข้อมูลดังต่อไปนี้ โดยอาจแตกต่างกัน แล้วแต่กรณี และลักษณะของกิจกรรมที่บริษัทจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลของท่าน
ข้อ 3. ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว
บริษัทไม่มีความประสงค์ให้บริษัทจัดเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่าน แต่หากข้อมูลดังกล่าวปรากฏอยู่บนบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้สมัครใจเปิดเผยไว้ต่อบริษัท เช่น เชื้อชาติ หรือข้อมูลศาสนา และท่านได้ทำการส่งมอบข้อมูลใด ๆ ซึ่งปรากฏข้อมูลที่มีลักษณะเช่นว่านี้ให้แก่บริษัทไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบข้อมูลในลักษณะเป็นเอกสาร หรือสื่ออื่นใด บริษัทแนะนำให้ท่านเป็นผู้ปกปิดข้อมูลอ่อนไหวเหล่านี้ ด้วยตัวท่านเอง โดยวิธีการขีดฆ่าข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว อย่างไรก็ตามหากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลด้วยตัวท่านเอง บริษัทถือว่าท่านได้อนุญาตโดยชัดแจ้งให้บริษัททำการปกปิดข้อมูลเหล่านี้ให้แก่ท่าน และให้ถือว่าข้อมูลที่ท่านส่งมอบมานี้ ซึ่งบริษัทได้จัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวให้แก่ท่านแล้วเป็นเอกสารที่สมบูรณ์ ใช้บังคับได้ตามกฎหมายทุกประการ และให้บริษัทสามารถนำไปประมวลผลได้ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่บริษัทไม่สามารถจัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวแก่ท่านได้เนื่องด้วยปัญหาเชิงเทคนิค หรือปัญหาอื่นใด บริษัทจะทำการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น
ข้อ 4. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
4.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง
บริษัทเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยได้รับจากท่านโดยตรง ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบเอกสาร หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรืออาจให้ท่านกรอกข้อมูลลงในเอกสารที่บริษัทจัดเตรียมไว้ หรือกรอกข้อมูลลงในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ทางบริษัทได้กำหนด หรือการ walk-in สมัครงาน หรือสมัครฝึกงาน หรือการสมัครที่บูธสมัครงาน Job Fair Roadshow หรือการสมัครงานผ่านเว็บไซต์ของบริษัท รวมถึง กรณีที่ท่านเข้าสัมภาษณ์งาน เข้าทำสัญญากับบริษัท และส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านปรากฏอยู่มาให้กับบริษัท
4.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ
บริษัท อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดดู นโยบายการใช้คุกกี้
4.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากบุคคลภายนอก
บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลที่สาม และ/หรือบุคคลอื่นใดที่เป็นผู้ควบคุมข้อมูล หรือผู้ประมวลผลข้อมูล โดยบริษัทเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลเหล่านั้น เป็นผู้มีสิทธิประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และมีสิทธิเปิดเผยให้แก่บริษัทได้ ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการได้รับข้อมูลมาจากช่องทาง ดังนี้
ข้อ 5. วัตถุประสงค์และฐานการประมวลผลข้อมูล
5.1 บริษัทประมวลผลข้อมูลของผู้สมัครภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อการดำเนินการใดที่เกี่ยวกับการพิจารณารับเข้าทำงาน/ฝึกงาน ซึ่งบริษัทจำเป็นต้องได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างถูกต้อง ครบถ้วน ทั้งนี้ หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท อาจทำให้บริษัทไม่สามารถคัดเลือก หรือพิจารณาเข้าทำสัญญากับท่านได้ ในกรณีดังกล่าวบริษัทอาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน แต่ในกรณีที่บริษัทขอความยินยอมจากท่าน ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมหรือไม่ก็ได้ โดยไม่ส่งผลต่อการพิจารณาคุณสมบัติของท่าน แต่การที่ท่านไม่ให้ความยินยอมอาจส่งผลให้บริษัท หรือบริษัทในกลุ่มไม่สามารถติดต่อผู้สมัครงาน เกี่ยวกับการเสนอตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับผู้สมัครงานในอนาคตได้เท่านั้น
5.2 ในกรณีที่บริษัทจะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะ และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กำหนด บริษัทจะจัดให้มีประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และ/หรือแจ้งไปยังท่านเพื่ออธิบายการประมวลผลข้อมูลในลักษณะดังกล่าว โดยท่านควรอ่านประกาศเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องร่วมกับประกาศฉบับนี้ และ/หรือหนังสือดังกล่าว (แล้วแต่กรณี)
5.3 บริษัทประมวลผลข้อมูลโดยอาจอาศัยหรืออ้าง
(1) ฐานความยินยอมเพื่อประมวลผลข้อมูลของท่าน (2) ฐานการปฏิบัติตามสัญญา สำหรับการเริ่มต้นทำสัญญา หรือการเข้าทำสัญญา หรือการปฏิบัติตามสัญญากับท่าน (3) ฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท (4) ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทและของบุคคลภายนอก (5) ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล และ/หรือ (6) ฐานประโยชน์สาธารณะสำหรับการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐ หรือฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด แล้วแต่กรณี ซึ่งในประกาศฉบับนี้ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลของท่านโดยแยกตามกิจกรรมที่บริษัทดำเนินการภายใต้ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังที่ระบุตามตารางนี้
1. วัตถุประสงค์ : การรับสมัคร การสัมภาษณ์งาน การคัดเลือกผู้สมัคร การคัดกรองประวัติ ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร ตามเกณฑ์ของบริษัท และการยืนยันตัวบุคคล การติดต่อ เพื่อดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสมัครงาน หรือสมัครฝึกงาน ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
2. วัตถุประสงค์ : การค้นหาผู้สมัครงานที่เปิดเผยข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ แหล่งข้อมูลสาธารณะอื่น เว็บไซต์สมัครงาน แพลตฟอร์มออนไลน์ของบุคคลที่สาม และติดต่อท่านเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่ท่านสมัคร หรืออาจสนใจสมัคร ฐานการประมวลผล : เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
3.วัตถุประสงค์ : การตรวจสอบประวัติการศึกษา หรือประวัติการทำงานย้อนหลังจากแหล่งข้อมูลอื่น การวิเคราะห์ข้อมูล การบันทึกวีดีโอการแนะนำตัว การประเมินและให้คะแนนผู้สมัคร เพื่อการตัดสินใจจ้าง ฐานการประมวลผล : เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
4.วัตถุประสงค์ : การตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานหรือเข้าฝึกงาน ก่อนการเข้าทำสัญญาจ้าง ฐานการประมวลผล : ความยินยอม /การปฏิบัติตามสัญญา /เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
5.วัตถุประสงค์ : การติดต่อผู้สมัครงาน ในการแจ้งข่าวสาร หรือเสนอตำแหน่งงานอื่นที่เหมาะสม ฐานการประมวลผล : ความยินยอม
6.วัตถุประสงค์ : การเปิดเผยข้อมูลในใบสมัครงานให้กับบริษัทในเครือพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครงานก่อนเรียกสัมภาษณ์ ฐานการประมวลผล : ความยินยอม
7.วัตถุประสงค์ : การตรวจสอบประวัติส่วนบุคคล ประวัติอาชญากรรมจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เฉพาะบางตำแหน่งที่บริษัทกำหนด) ฐานการประมวลผล : ความยินยอม
8.วัตถุประสงค์ : การตรวจสอบรายชื่อบุคคลล้มละลาย ตรวจสอบข้อมูลเครดิต ประวัติทางการเงิน การประเมินความเสี่ยงบุคคลด้านการฟอกเงิน (เฉพาะบางตำแหน่งที่บริษัทกำหนด) ฐานการประมวลผล : เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
9. วัตถุประสงค์ : การเปิดเผยข้อมูลประวัติการฝึกงาน ผลการฝึกงาน ระยะเวลาการฝึกงาน ให้แก่สถาบันการศึกษา หรือหน่วยงานอื่น ในกรณี สถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานอื่นเป็นผู้ส่งผู้สมัครเข้าฝึกงานกับบริษัท ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
10.วัตถุประสงค์ : เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่าน หรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมโรคติดต่อ การบันทึกอุณหภูมิ และประวัติการเดินทางของท่าน ฐานการประมวลผล : ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่ายกาย หรือสุขภาพของบุคคล/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย/การปฏิบัติตามกฎหมาย
11.วัตถุประสงค์ : เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ทั้งใน และต่างประเทศที่ใช้บังคับ และเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียก คำสั่งศาล คำสั่งของหน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลบริษัท หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามกฎหมาย
ข้อ 10. วิธีการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล
10.1 การร้องขอใด ๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านจะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งบริษัทได้จัดให้มีขึ้นในเว็บไซต์ของบริษัท หรือกรอกข้อมูลผ่านแบบคำร้องขอใช้สิทธิเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (F-HDK-HRD-38) หรือในกรณีท่านประสงค์ใช้สิทธิถอนความยินยอมสามารถกรอกข้อมูลผ่านแบบคำร้องขอใช้สิทธิเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (F-HDK-HRD-38)
ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลา 30 วัน นับแต่ได้รับคำร้อง อย่างไรก็ดี บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่าน ในกรณีที่มีข้อยกเว้นตามกฎหมาย หรือบริษัทจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาได้ หรือมีผลกระทบกับการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา หรือเป็นการปฏิเสธตามคำสั่งศาล หรือหากบริษัทดำเนินการตามคำขอของท่านจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยบริษัทจะดำเนินการบันทึกการปฏิเสธคำร้องขอพร้อมด้วยเหตุผลไว้ ทั้งนี้ หากปรากฏอย่างชัดเจนว่าคำร้องขอของท่านเป็นคำร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผล หรือคำร้องขอฟุ่มเฟือยบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินการตามที่ท่านร้องขอในอัตราที่บริษัทกำหนด
10.2 บริษัทจะพยายามอย่างเต็มที่ตามความสามารถของระบบงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกและดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน เว้นแต่จะปรากฏข้อเท็จจริงว่า การดำเนินการตามคำร้องขอนั้นเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ใช้งานรายอื่น หรือเป็นการขัดต่อกฎหมาย หรือนโยบายความปลอดภัยของระบบ หรือกรณีที่เป็นการพ้นวิสัยในทางปฏิบัติตามคำร้องขอ เนื่องมาจากเหตุทางเทคนิค
10.3 ในบางสถานการณ์บริษัทอาจขอให้ท่านพิสูจน์ตัวตนของท่านก่อนการใช้สิทธิเพื่อความปลอดภัยของท่านเอง โดยบางครั้งอาจเกิดข้อจำกัดในการขอใช้สิทธิของท่านบางประการ ซึ่งบริษัทจะทำการชี้แจงให้ท่านทราบหากไม่สามารถปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านได้
10.4 หากเป็นกรณีกิจกรรมที่บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามฐานการปฏิบัติตามสัญญา หรือฐานเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย บริษัทมีสิทธิปฏิเสธการใช้สิทธิของท่านในกรณีที่ท่านใช้สิทธิโต้แย้ง หรือขอระงับการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน และขอให้ดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านได้ รวมถึงบริษัทอาจปฏิเสธที่จะดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน หากบริษัท มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลต่อไป
10.5 บริษัทจำเป็นต้องแจ้งให้ทราบว่า การขอใช้สิทธิของท่านบางประการ อาจเกิดข้อจำกัด ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อบริษัทในการปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมาย และการรักษาความปลอดภัยของบริษัทและบริเวณรอบข้าง ทรัพย์สินของบริษัท ความปลอดภัยในบริเวณกิจกรรม ความปลอดภัยของตัวท่านเอง
ข้อ 11. มาตรการการรักษาความปลอดภัย
บริษัทกำหนดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีอำนาจหรือโดยขัดต่อกฎหมาย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและวิธีปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศของบริษัทและนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
ข้อ 12. ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก
หากท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกใด ๆ เช่น คู่สมรส บุตร บิดา มารดา บุคคลในครอบครัว ผู้รับผลประโยชน์ บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน บุคคลอ้างอิง และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งท่านรับรองว่าท่านมีอำนาจที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าว และมีหน้าที่ให้บุคคลดังกล่าวอนุญาตให้บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามประกาศฉบับนี้ได้ อีกทั้ง ท่านต้องรับผิดชอบในการแจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบ และขอรับความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 13. ช่องทางการติดต่อ
ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อสงสัยใด ๆ หรือต้องการใช้สิทธิตามที่กำหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือสอบถามเพิ่มเติม ผ่านช่องทาง ดังนี้
เรื่องเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล : บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด คณะทำงาน PDPA
อีเมล : pdpa@hidakayookoo.co.th
ที่อยู่ : 27 อาคารฮีดากาบิ้วดิ้งส์ ซอยบางนา-ตราด 25 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กรุงเทพ 10260
เรื่องทั่วไป : ติดต่อ ฝ่ายธุรการ-บุคคล
อีเมล : personnel-all@hidakayookoo.co.th
ที่อยู่ : 27 อาคารฮีดากาบิ้วดิ้งส์ ซอยบางนา-ตราด 25 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กรุงเทพ 10260
หมายเลขโทรศัพท์ : 02-744-1400
ข้อ 14. การแก้ไขเปลี่ยนแปลง
บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไข ทบทวน และปรับปรุงประกาศความเป็นส่วนตัวที่จะมีผลบังคับใช้ ณ เวลาที่ได้เผยแพร่ต่อไปโดยมิต้องแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการให้บริการ ดังนั้น บริษัทจึงขอแนะนำให้ท่านอ่านประกาศความเป็นส่วนตัวทุกครั้งที่เยี่ยมชม หรือใช้บริการจากบริษัท หรือเว็บไซต์ของบริษัท โดยให้มีผลบังคับใช้นับจากวันที่ประกาศเป็นต้นไป และขอยกเลิก ประกาศบริษัทที่ HDK-HRD 51/2567 ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2567
ประกาศ ณ วันที่ 12 กันยายน 2567
มาจากประกาศบริษัทที่ HDK-HRD 64/2567
โดยคุณยาซูโอะ อาทิตย์เรืองสิริ
ประธานบริษัทฯ/กรรมการผู้จัดการ
ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)
สำหรับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับ พนักงาน หรือ ผู้ฝึกงาน
บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และบริษัทในกลุ่มฮีดากาฯ (“บริษัท”) เค ารพและให้ความสำคัญในสิทธิความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน และผู้ฝึกงาน (“ท่าน”) และมีความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของบริษัท และมุ่งมั่นที่จะจัดการข้อมูลดังกล่าว ด้วยวิธีการที่มั่นคงปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ในการนี้ บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) สำหรับพนักงานฉบับนี้ (“ประกาศ”) เพื่ออธิบายถึงวิธีการปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว และชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ การเปิดเผย และวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมแจ้งสิทธิต่างๆ ของท่าน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ข้อ 1. คำนิยาม
“พนักงาน” หมายถึง ผู้สมัครงานที่เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกให้เข้าทำสัญญาจ้างงานกับบริษัท เพื่อทำงานให้แก่บริษัทในฐานะพนักงานประจำ พนักงานอัตราจ้าง พนักงานชั่วคราว พนักงานที่อยู่ภายใต้การจ้างงานของผู้ให้บริการจัดหางาน (Outsource) และพนักงาน (Freelance) ที่เข้ามาทำงานให้กับบริษัท แล้วแต่กรณี
“ผู้ฝึกงาน” หมายถึง ผู้สมัครเข้าฝึกงาน และนักศึกษาฝึกงานที่ได้รับคัดเลือกและประสงค์จะเข้าฝึกงานกับบริษัทในระหว่างกำลังศึกษา
“ท่าน” หมายถึง พนักงาน , ผู้ฝึกงาน
“บริษัท” หมายถึง บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และบริษัทในกลุ่มฮีดากาฯ ตามรายชื่อที่ปรากฏบนเว็บไซต์ www.hidakayookoo.co.th ที่มีข้อตกลงร่วมกัน หรือที่ท่านยินยอมให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน ตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
ข้อ 2. ประเภทข้อมูลส่วนบุคล
บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านซึ่งอาจได้แก่ข้อมูลดังต่อไปนี้ โดยอาจแตกต่างกัน แล้วแต่กรณี และลักษณะของกิจกรรมที่บริษัทจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลของท่าน
2.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ น้ำหนัก ส่วนสูง หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน, หมายเลขหนังสือเดินทาง, เลขประตัวคนต่างด้าว, เลขประจำตัวผู้เสียภาษี, เลขประกันสังคม,เลขใบอนุญาตทำงาน รูปถ่าย ลายมือชื่อ สัญชาติ ศาสนา สถานภาพสมรส สถานภาพทางทหาร
2.2 ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่อาศัย หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ไอดีผู้ใช้สำหรับไลน์แอปพลิเคชัน (Line ID) ข้อมูลในเฟสบุ๊คที่ตั้งค่าเป็นสาธารณะ อินสตราแกรม และข้อมูลอื่น ๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน
2.3 ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา การฝึกอบรม เช่น ประวัติการศึกษา ชื่อสถาบัน คณะ สาขาวิชา และปีที่จบ ผลการศึกษา ผลการทดสอบ ประวัติการฝึกอบรม หรือฝึกงาน ใบรับรองคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ระบุในใบสมัคร ความสามารถ และการพัฒนาศักยภาพ และคุณสมบัติอื่น ๆ ของท่าน คุณสมบัติด้านวิชาชีพ ความสามารถทางด้านภาษา และความสามารถอื่น ๆ
2.4 ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานก่อนหน้า เช่น ประวัติการทำงาน ประสบการณ์การทำงาน
2.5 ข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครงาน เช่น ประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงาน จดหมายสมัครงาน ข้อมูลตามเอกสารที่ท่านส่งมอบให้แก่บริษัท เช่น ข้อมูลที่ปรากฏใน Resume เงินเดือนที่คาดหวัง ข้อมูลการสัมภาษณ์งาน วีดีโอการแนะนำตัว ข้อมูลที่ท่านแจ้งแก่บริษัทในระหว่างการสัมภาษณ์งาน หลักฐานหรือหนังสืออ้างอิงต่างๆ และข้อมูลที่ปรากฏในแบบประเมินผลการสัมภาษณ์ ข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการสรรหาและคัดเลือก เช่น ผลการประเมิน ความรู้และประสบการณ์ คุณลักษณะส่วนบุคคล การทำงานกับผู้อื่น และเอกสารใบรับรองที่ประกอบการพิจารณา เป็นต้น
2.6 ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการสมัครงานหรือทำนิติกรรม เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบสำคัญการเกณฑ์ทหาร สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร ใบอนุญาตทำงาน ใบขับขี่ สมุดทะเบียนรถยนต์ และสิ่งที่สามารถระบุตัวตนอื่น เช่น ใบอนุญาตผู้สอบบัญชี และใบอนุญาตทนายความ ใบอนุญาตอื่นใดที่เกี่ยวกับตำแหน่งงานของท่าน แบบระบุนามผู้รับผลประโยชน์ แบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน หนังสือยินยอมให้สอบประวัติบุคคล รายงานผลการตรวจสอบประวัติบุคคล หนังสือค้ำประกันการทำงานและเอกสารที่มีชื่อผู้ค้ำประกันการทำงาน
2.7 ข้อมูลในระหว่างปฏิบัติงาน เช่น รหัสพนักงาน ตำแหน่ง แผนก สังกัด การประเมินผลการปฏิบัติงาน พฤติกรรมในการทำงาน ผลงานและ/หรือรางวัลที่ได้รับ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา การดูแลสิทธิประโยชน์สวัสดิการ ข้อมูลการฝึกอบรม ข้อมูลการลงโทษทางวินัย ข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือโอนย้ายบุคลากร สัญญายืมตัวบุคลากร ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัท เป้าหมายการทำงาน ข้อมูลเกี่ยวกับความประพฤติการหรือวินัยการทำงาน ใบลาออกจาก และเหตุผลที่ลาออก สาเหตุการพ้นสภาพการเป็นพนักงาน
2.8 ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย เช่น การบันทึกการใช้ระบบต่าง ๆ ของบริษัท ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าออกสถานที่ทำงาน ข้อมูลเกี่ยวกับการแจ้งอุบัติเหตุ และความปลอดภัยในที่ทำงาน ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางเพื่อการปฏิบัติงาน หรือที่เกี่ยวเนื่องกับหน้าที่การงาน
2.9 ข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์และค่าตอบแทน เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง ผลตอบแทน โบนัส รายละเอียดเกี่ยวกับค่าบำเหน็จ สวัสดิการ เลขบัญชีธนาคาร หนังสือยินยอมให้หักเงินเดือน ข้อมูลของผู้รับผลประโยชน์ ข้อมูลเกี่ยวกับการประกันสังคม ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ข้อมูลด้านภาษีอากร และการหักลดหย่อนภาษี ข้อมูลสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับสุขภาพ และ/หรือผลประโยชน์อื่น ๆ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในใบรับรองแพทย์ รายงานสุขภาพประจำปี แบบแจ้งการลาคลอด แบบการเรียกค่าสินไหมทดแทน (สำหรับการประกันอุบัติเหตุ และประกันชีวิต)
2.10 ข้อมูลเกี่ยวกับสถิติทางทะเบียน เช่น วันที่เริ่มงาน วันครบกำหนดทดลองงาน วันและเวลาที่เข้าทำงาน จำนวนชั่วโมงที่ทำงาน จำนวนชั่วโมงที่ทำงานล่วงเวลา วันหยุดพักผ่อนประจำปี วันลา แบบแจ้งการลา รายละเอียดการลา รวมถึงสาเหตุการลา
2.11 ข้อมูลที่ได้จากการทำแบบทดสอบต่าง ๆ เช่น นิสัย พฤติกรรม ทัศนะคติ ความถนัด ทักษะ ภาวะความเป็นผู้นำ ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น ความฉลาดทางอารมณ์ ความมีวินัย หรือลักษณะอื่น ๆ ซึ่งอาจได้มาจากการสังเกต และวิเคราะห์ของบริษัทในระหว่างที่ท่านเข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัท หรือบริษัทในเครือ
2.12 ข้อมูลด้านเทคนิค เช่น ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP Address) และข้อมูลที่บริษัท ได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึงกัน รวมถึงข้อมูลการสื่อสาร และการใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และอีเมล อุปกรณ์สื่อสารของบริษัทในระหว่างปฏิบัติงาน
ข้อมูลอื่นๆ เช่น เสียง ภาพนิ่ง และ/หรือภาพเคลื่อนไหว ที่ได้จากกล้องวงจรปิด รวมถึง ข้อมูลอื่นใดที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมหรือแคมเปญต่าง ๆ ที่บริษัทหรือบริษัทในเครือจัดขึ้น
2.13 ข้อมูลบุคคลภายนอกที่ท่านให้ไว้ หรือข้อมูลที่บริษัทได้จากบุคคลภายนอก เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นซึ่งท่านรับรองต่อบริษัทว่า ท่านได้รับความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวให้เปิดเผยข้อมูลแก่บริษัท รวมถึงยินยอมให้บริษัท ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลนั้น เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ ได้แก่ ชื่อ นามสกุล อาชีพ สถานที่ทำงาน และหมายเลขโทรศัพท์ของคู่สมรส บุตร บิดา มารดา หรือบุคคลในครอบครัวที่บริษัทสามารถติดต่อในกรณีฉุกเฉิน หรือบุคคลที่ท่านอ้างอิงเพื่อการตรวจสอบและรับรองการทำงาน และ/หรือผู้ค้ำประกันการทำงาน รวมถึงข้อมูลที่บุคคลภายนอกให้ไว้ เกี่ยวกับ รายละเอียด พฤติกรรม เกี่ยวกับพนักงานหรือผู้ฝึกงาน
2.14 ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่ได้รับความยินยอมในระหว่างปฏิบัติงาน เช่น ข้อมูลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้แก่บริษัทในระหว่างการปฏิบัติงาน หรือระหว่างที่ท่านเข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัทหรือบริษัทในเครือ
2.15 ข้อมูลสุขภาพ เช่น ความพิการ โรคประจำตัว ตาบอดสี ผลการตรวจร่างกาย หมู่โลหิต ใบรับรองแพทย์ ประวัติการรักษาพยาบาล เพื่อการคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของพนักงานตามสิทธิของพนักงาน การประเมินความสามารถในการทำงาน รวมถึงการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 3. ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว
3.1 ในกรณีที่จำเป็นบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่าน โดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน ตามแบบฟอร์มการขอความยอนยอมสำหรับการประมวลผลข้อมูลอ่อนไหว ซึ่งบริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอ เพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่าน ทั้งนี้ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวดังกล่าว เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ และตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทแจ้งไว้ ในกรณีดังต่อไปนี้
3.1.1 ข้อมูลสุขภาพ เช่น ความพิการ โรคประจำตัว ตาบอดสี ผลการตรวจร่างกาย หมู่โลหิต ใบรับรองแพทย์ ประวัติการรักษาพยาบาล เพื่อการคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของพนักงานตามสิทธิของพนักงาน การประเมินความสามารถในการทำงาน รวมถึงการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
3.1.2 ข้อมูลชีวภาพ (biometric data) เช่น ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ภาพจำลองใบหน้า เพื่อบันทึกการเข้า-ออกสถานที่ทำงาน หรือสถานที่ของบริษัท หรือเพื่อใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนของท่าน การรักษาความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน การป้องกันอาชญากรรม
3.1.3 ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม ซึ่งจะเก็บจากการเอกสารที่ท่านนำมาแสดง หรือหรือท่านยินยอมให้ตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการปฏิบัติงาน เฉพาะบางตำแหน่งที่บริษัทกำหนด
3.1.4 ข้อมูลเกี่ยวกับศาสนา เพื่อประกอบการจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก กิจกรรม และสวัสดิการที่เหมาะสมกับพนักงาน รวมถึงเพื่อใช้ในการบริหารจัดการด้านการดูแลพนักงานอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมตามหลักสิทธิมนุษยชน
3.1.5 ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวอื่น ๆ ตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย เช่น เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคลในกรณีที่ท่านไม่สามารถให้ความยินยอมได้ และเพื่อเป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้งของท่าน เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม และสวัสดิการของพนักงาน
3.2 หากท่านไม่มีความประสงค์ให้บริษัทจัดเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่าน ท่านสามารถปฏิเสธการประมวลผลได้ในการกรอกแบบฟอร์มการขอความยินยอมในครั้งนั้นๆ หรือแจ้งถอนความยินยอมในภายหลังได้ตลอดเวลาโดยติดต่อ ได้ที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล
ทั้งนี้ ในกรณีที่ท่านไม่ประสงค์ให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว ตามที่ระบุในข้อ 3.1 แต่ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวดังกล่าวปรากฏอยู่บนบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้สมัครใจเปิดเผยไว้ต่อบริษัท เช่น เชื้อชาติ ข้อมูลหมู่โลหิต หรือข้อมูลศาสนา และท่านได้ทำการส่งมอบข้อมูลใด ๆ ซึ่งปรากฏข้อมูลที่มีลักษณะเช่นว่านี้ให้แก่บริษัทไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบข้อมูลในลักษณะเป็นเอกสาร หรือสื่ออื่นใด บริษัทแนะนำให้ท่านเป็นผู้ปกปิดข้อมูลอ่อนไหวเหล่านี้ ด้วยตัวท่านเอง โดยวิธีการขีดฆ่าข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว อย่างไรก็ตาม หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลด้วยตัวท่านเอง บริษัทถือว่าท่านได้อนุญาตโดยชัดแจ้งให้บริษัททำการปกปิดข้อมูลเหล่านี้ให้แก่ท่าน และให้ถือว่าข้อมูลที่ท่านส่งมอบมานี้ ซึ่งบริษัทได้จัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวให้แก่ท่านแล้วเป็นเอกสารที่สมบูรณ์ ใช้บังคับได้ตามกฎหมายทุกประการ และให้บริษัทสามารถนำไปประมวลผลได้ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่บริษัทไม่สามารถจัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวแก่ท่านได้เนื่องด้วยปัญหาเชิงเทคนิค หรือปัญหาอื่นใด บริษัทจะทำการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น
ข้อ 4. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
โดยทั่วไปบริษัทเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยได้รับจากท่านโดยตรง ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบเอกสาร หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรืออาจให้ท่านกรอกข้อมูลลงในเอกสารที่บริษัทจัดเตรียมไว้ หรือกรอกข้อมูลลงในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ทางบริษัทได้กำหนด อย่างไรก็ตาม ด้วยลักษณะของกิจกรรมบางประเภท อาจมีกรณีที่บริษัทจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลของท่านบางประการ ซึ่งอาจเป็นข้อมูลที่บริษัทได้รับจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากท่าน โดยมีรายละเอียดช่องทางการได้รับข้อมูล ดังนี้
4.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง
ท่านอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท โดยตรง เช่น เมื่อท่านยื่นใบสมัครงานและเอกสารประกอบการสมัครงานให้แก่บริษัท ข้อมูลในระหว่างการปฏิบัติงาน ข้อมูลเมื่อท่านระบุ หรือตั้งค่าสาธารณะผ่านสื่อโซเชียล หรือในเว็บไซต์ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน เช่น Workplace google รวมถึงข้อมูลที่ได้จากการเข้าทำสัญญากับบริษัท และข้อมูลที่ได้จากการส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านปรากฏอยู่มาให้กับบริษัท เป็นต้น
4.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ
บริษัท อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดดู นโยบายการใช้คุกกี้
4.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากบุคคลภายนอก
ในกรณีที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลที่สาม และ/หรือบุคคลอื่นใดที่เป็นผู้ควบคุม หรือประมวลผลข้อมูล โดยบริษัทเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลเหล่านั้น เป็นผู้มีสิทธิประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และมีสิทธิเปิดเผยให้แก่บริษัทได้ ซึ่งได้แก่ ข้อมูลที่ได้จากการโต้ตอบทางโทรศัพท์ และข้อมูลที่ได้จากแบบฟอร์ม เอกสารต่าง ๆ เกิดขึ้นในระหว่างปฏิบัติงานกับบริษัท เป็นต้น
ข้อ 5. วัตถุประสงค์และฐานการประมวลผล
5.1 บริษัทประมวลผลข้อมูลของพนักงานภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อการดำเนินการตามสัญญาจ้างแรงงาน สัญญาอื่นใดที่ท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท ซึ่งบริษัทจำเป็นต้องได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างถูกต้อง ครบถ้วน ทั้งนี้ หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท อาจมีผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัท ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่หรือไม่สามารถให้สิทธิภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (แล้วแต่กรณี) ในกรณีดังกล่าว บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือการให้สิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับท่าน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
5.2 ในกรณีที่บริษัทจะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะ และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กำหนด บริษัทจะจัดให้มีประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และ/หรือแจ้งไปยังท่านเพื่ออธิบายการประมวลผลข้อมูลในลักษณะดังกล่าว โดยท่านควรอ่านประกาศเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องร่วมกับประกาศฉบับนี้ และ/หรือหนังสือดังกล่าว (แล้วแต่กรณี)
5.3 บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาจอาศัยหรืออ้าง
(1) ฐานความยินยอม เพื่อประมวลผลข้อมูลของท่าน (2) ฐานการปฏิบัติตามสัญญา สำหรับการเริ่มต้นทำสัญญา หรือการเข้าทำสัญญา หรือการปฏิบัติตามสัญญากับท่าน (3) ฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท (4) ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทและของบุคคลภายนอก (5) ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล และ/หรือ (6) ฐานประโยชน์สาธารณะสำหรับการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐ หรือฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด แล้วแต่กรณี โดยบริษัทจะประมวลผลข้อมูลของท่านโดยแยกตามกิจกรรมที่บริษัทดำเนินการภายใต้ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังที่ระบุตามตารางนี้
1. วัตถุประสงค์ : การดำเนินการตามคำขอของท่านในการสมัครงานกับบริษัท เช่น การคัดเลือก การจัดทำสัญญา การดำเนินการตามกระบวนการสรรหา การตรวจสอบคุณสมบัติ รวมถึงการปฏิบัติตามสัญญา การจ่ายค่าตอบแทน การให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา/ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
2. วัตถุประสงค์ : การขึ้นทะเบียนพนักงาน การจัดเตรียมบัตรพนักงาน วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ อีเมล username & password สำหรับการเข้าระบบต่าง ๆ ที่จำเป็น และอื่นๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติงานของพนักงาน หรือผู้ฝึกงาน ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา
3. วัตถุประสงค์ : การจัดทำหรือต่ออายุวีซ่า ใบอนุญาตทำงาน การขอต่อใบอนุญาตที่เกี่ยวกับการทำงานของพนักงาน การเก็บข้อมูลใบอนุญาต และข้อมูลการเพิกถอนใบอนุญาต (เฉพาะตำแหน่งซึ่งมีกฎหมายกำหนดให้ต้องได้รับใบอนุญาต) และการปรับปรุงข้อมูลในระบบฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา/ การปฏิบัติตามกฎหมาย
4. วัตถุประสงค์ : การเก็บบันทึกข้อมูลเกี่ยวโรคประจำตัว ผลการตรวจสุขภาพ โรคติดต่อ และการตรวจสุขภาพก่อนการทำงาน และตรวจสุขภาพประจำปี ตามระเบียบบริษัท หรือตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อการคุ้มครองแรงงาน การประเมินความสามารถในการทำงาน รวมถึงและการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าให้กับโรงพยาบาลคู่สัญญา รับผลการตรวจจากโรงพยาบาลคู่สัญญา เพื่อจัดทำทะเบียน การประกันสังคม สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของพนักงานตามสิทธิของพนักงาน และเพื่อการบริหารจัดการด้านประกันชีวิต และประกันภัยกลุ่ม ตามระเบียบบริษัท ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา/ ความยินยอม
5. วัตถุประสงค์ : การเก็บข้อมูลความพิการ เพื่อการคุ้มครองแรงงาน รวมถึงการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญาความยินยอม/การปฏิบัติตามกฎหมาย
6. วัตถุประสงค์ : การเก็บข้อมูลชีวภาพ (Biometrics) ของพนักงาน เช่น ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ภาพจำลองใบหน้าเพื่อบันทึกการเข้า-ออกสถานที่ทำงาน หรือสถานที่ของบริษัท ระบุและยืนยันตัวตนของท่าน การรักษาความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน การป้องกันอาชญากรรม ฐานการประมวลผล : ความยินยอม
7. วัตถุประสงค์ : การเก็บข้อมูลประวัติอาชญากรรม เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการปฏิบัติงาน ความยินยอม
8. วัตถุประสงค์ : การเก็บข้อมูลเกี่ยวกับศาสนา เพื่อประกอบการจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก กิจกรรม และสวัสดิการที่เหมาะสมกับพนักงาน รวมถึงเพื่อใช้ในการบริหารจัดการด้านการดูแลพนักงานอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมตามหลักสิทธิมนุษยชน ฐานการประมวลผล : ความยินยอม
9. วัตถุประสงค์ : การบริหารจัดการเรื่องเงินเดือน ค่าตอบแทน ค่าจ้าง โบนัส ค่าล่วงเวลา ค่าที่พัก ค่าเดินทาง รวมถึงผลประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับพนักงาน ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา / การปฏิบัติตามกฎหมาย
9. วัตถุประสงค์ : การบริหารจัดการเรื่องกองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนเงินทดแทน การบริหารจัดการด้านภาษีอากรของพนักงาน เช่น ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อนภาษี ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา / การปฏิบัติตามกฎหมาย
10. วัตถุประสงค์ : การบริหารจัดการด้านการป้องกัน มาตรการบรรเทาอุบัติเหตุและอุบัติภัย การรายงานการใช้บริการห้องพยาบาล การตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยของบุคคล และทรัพย์สินของบริษัทฯ ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา/ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
11. วัตถุประสงค์ : การนำส่งโรงพยาบาล กรณีเหตุฉุกเฉินหรืออันตรายต่อชีวิต ร่างกาย พนักงาน ฐานการประมวลผล : ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
12. วัตถุประสงค์ : การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัทฯ ในขั้นตอนต่าง ๆ ตามกฎหมาย ฐานการประมวลผล : เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
13. วัตถุประสงค์ : การส่งข้อมูลพนักงานให้ผู้ให้บริการภายนอก เพื่อทำการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลด้านค่าตอบแทน จัดทำเงินเดือน และประเมินผลการปฏิบัติงาน การตรวจสอบประวัติ การทดสอบคุณสมบัติและความสามารถของพนักงาน ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา/ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
14. วัตถุประสงค์ : การประกาศวันเกิด และการแสดงความยินดีเกี่ยวกับการมีบุตร รวมถึงการแสดงความอาลัยเกี่ยวกับการสูญเสียบุคคลในครอบครัวของพนักงาน ฐานการประมวลผล : เพื่อประ โยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย/ความยินยอม
15. วัตถุประสงค์ : การบริหารจัดการด้านกิจกรรมที่เกี่ยวกับการจ้างงานของพนักงานตลอดระยะเวลาการทำงาน เช่น การนำข้อมูลพนักงานไปใช้อ้างอิง (Reference) ตามสัญญาระหว่างบริษัท กับ คู่ค้า ลูกค้าของบริษัท ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
16. วัตถุประสงค์ : การถ่ายภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว การถ่ายภาพพิธีการ ภาพรวมบรรยากาศ การจัดงานเลี้ยงวันเกิด งานเลี้ยงปีใหม่ งานสังสรรค์ งานประชุม อบรม สัมมนา การจัดงานท่องเที่ยวประจำปี กิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา /เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
17. วัตถุประสงค์ : การบริหารจัดการด้านวันหยุด วันลา การขาดงาน และรายละเอียดการเข้าร่วมกิจกรรม ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา
18. วัตถุประสงค์ : การบริหารจัดการด้านสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีพนักงานเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือปรากฎเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ของบริษัท ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา/ ความยินยอม
19. วัตถุประสงค์ : การตอบแบบสอบถาม การแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน และที่เกิดขึ้นในระหว่างการปฏิบัติงาน ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา / เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
20. วัตถุประสงค์ : ประกาศรายชื่อพนักงาน ข้อมูลการติดต่อ การประกาศพนักงานใหม่ และการประกาศกรณีพ้นสภาพ ประกาศบุคคลที่เป็นพนักงานดีเด่น หรือได้รับการคัดเลือกเป็นพนักงานดีเด่นหรือได้รับรางวัล ประกาศครบอายุการทำงาน(การเกษียณ) ประกาศเกี่ยวกับการเลื่อนตำแหน่ง และการย้ายหน่วยงานของพนักงาน ฐานการประมวลผล : เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
21. วัตถุประสงค์ : การอายัดเงินเดือน หรือค่าตอบแทนอื่นใดตามหมาย หรือคำสั่งของกรมบังคับคดี หรือคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลาย ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามกฎหมาย
22. วัตถุประสงค์ : ประวัติและผลการเข้ารับการอบรม การทดสอบ ผลการประเมิน และการสอบวัดความรู้ ทัศนคติ และการวัดผลในด้านต่าง ๆ สำหรับพนักงาน รวมถึงการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน รวมถึงการวิเคราะห์ลักษณะของท่าน เช่น นิสัย พฤติกรรม ทัศนะคติ ความถนัด ทักษะ ภาวะความเป็นผู้นำ ในระหว่างที่ท่านเข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัทหรือบริษัทในเครือ ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา / เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
23. วัตถุประสงค์ : การบันทึก ผลการประเมินของพนักงานจาก เพื่อนร่วมงาน นายจ้าง ลูกจ้าง รวมถึงการบันทึกผลการทำงาน ประวัติทางการเงิน ประวัติทางคดี เพื่อพิจารณาปรับตำแหน่ง ปรับเงินเดือน และพิจารณาเรื่องการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษ หรือโบนัส ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา/ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
24. วัตถุประสงค์ : การตรวจสอบ การสืบสวนสอบสวนพฤติกรรมทุจริต หรือขัดต่อกฎหมาย กฎระเบียบของบริษัท และข้อบังคับการทำงานของบริษัท การพิจารณาและลงโทษทางวินัย การดำเนินการใดๆ เพื่อดำเนินคดี หรือดำเนินมาตรการใดๆ ฐานการประมวลผล : เพื่อใช้สิทธิตามสัญญาและตามกฎหมาย การปฏิบัติตามสัญญา / การปฏิบัติตามกฎหมาย
25. วัตถุประสงค์ : การส่งรายงานข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตของพนักงานให้แก่หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานที่มีอำนาจตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ตำรวจ คปภ. ปปง. กรมสรรพากร กรมบังคับคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามกฎหมาย
26. วัตถุประสงค์ : การบริหารจัดการการลาออก การเกษียณอายุ การเลิกจ้างพนักงาน เพื่อการเปิดเผยข้อมูลให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสรรพากร ธนาคาร สำนักงานประกันสังคม สนง.ตรวจคนเข้าเมือง กองงานคนต่างด้าว เป็นต้น ฐานการประมวลผล : การปฏิบัติตามสัญญา /การปฏิบัติตามกฎหมาย
27. วัตถุประสงค์ : เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่าน หรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน ผลการตรวจและมาตรการป้องกันและการควบคุมโรคติดต่อ การบันทึกอุณหภูมิ และประวัติการเดินทางของท่าน ฐานการประมวลผล : ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่ายกาย หรือสุขภาพของบุคคล/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย/การปฏิบัติตามกฎหมาย
ข้อ 6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
6.1 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามกฎหมายให้แก่บุคคลและหน่วยงาน ดังต่อไปนี้
บริษัทในเครือ ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และ/หรือบุคลากรภายในของบริษัทดังกล่าวเท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ผู้ให้บริการเกี่ยวกับกระบวนการสรรหา และคัดเลือกบุคลากร การจ้างงาน การรับจ้างทำเงินเดือน การจ่ายเงินเดือน การรักษาความปลอดภัย การตรวจสอบประวัติ การทดสอบคุณสมบัติและความสามารถ แพลตฟอร์ม เว็บไซต์ของบุคคลที่สาม บริษัทประกันชีวิต โรงพยาบาลคู่สัญญา รวมถึงผู้พัฒนาระบบสารสนเทศอื่น ๆ ที่บริษัทจัดให้มีขึ้น และบุคคลอื่นที่จำเป็น เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจ และให้บริการแก่พนักงาน รวมถึงมีความจำเป็นอย่างสมเหตุสมผลที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อทำให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ทางธุรกิจของบริษัท
บริษัทในเครือ คู่ค้า ผู้ว่าจ้าง ที่ปรึกษา ลูกค้าของบริษัท บุคคลที่บริษัทเข้าประมูลงานหรือเสนอขายสินค้าหรือให้บริการ รวมทั้งบุคคลภายนอกที่มีความจำเป็นอย่างสมเหตุสมผลที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ ศาล พนักงานสอบสวน อัยการ กรมบังคับคดี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานประกันสังคม กรมสรรพากร เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือองค์กรอื่นใดที่มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดโดยกฎหมายในการขอข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงอาจมีการเปิดเผยให้หน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีของบริษัทเองด้วย
ผู้เกี่ยวข้องในกรณีการปรับโครงสร้างองค์กร หรือการควบรวมกิจการของบริษัท ซึ่งบริษัทอาจต้องมีการโอนสิทธิไปยังกิจการดังกล่าว และอาจจำเป็นต้องแบ่งปันข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นผู้ให้บริการภายนอก มีความจำเป็นจะต้องเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อปฏิบัติหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งของบริษัทตามที่กำหนดในข้อตกลงระหว่าง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามสัญญาประมวลผลข้อมูล (Data processing agreement: DPA) รวมถึง ผู้ที่ทำหน้าที่ในนามบริษัท หรือร่วมกับบริษัท เพื่อดำเนินวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ และมีความจำเป็นต้องได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
6.2 บริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และจะดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ รวมถึงจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดในประกาศฉบับนี้ หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น โดยในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อน
ข้อ 7. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
ในกรณีที่บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ บริษัทจะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอหรือเพื่อทำให้แน่ใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยในบางกรณี บริษัท อาจขอความยินยอมของท่านสำหรับการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศดังกล่าว
ข้อ 8. ระยะเวลาในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
8.1 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่มีความจำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ของการประมวลผล ตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ แบ่งได้ดังนี้
บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานและผู้ฝึกงานโดยมีกำหนดระยะเวลา 12 (สิบสอง) ปี นับถัดจากปีที่สิ้นสุดสัญญาจ้างหรือสิ้นสุดการฝึกงาน
บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของพนักงานและผู้ฝึกงาน ได้แก่ ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ภาพจำลองใบหน้าของพนักงาน ข้อมูลเกี่ยวกับศาสนา โดยมีกำหนดระยะเวลา 1 (หนึ่ง) เดือน นับถัดจากเดือนที่สิ้นสุดสัญญาจ้าง
บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ โดยมีกำหนดระยะเวลา 2 (สอง) ปี นับถัดจากปีที่สิ้นสุดสัญญาจ้าง
กรณีที่บริษัท ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอม
ในกรณีมีการขอใช้สิทธิตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ บริษัทจะเก็บหลักฐานประวัติการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไว้ 1 (หนึ่ง) เดือน นับถัดจากเดือนที่บริษัทพิจารณาคำขอของท่านแล้วเสร็จ
8.2 กรณีอื่น ๆ บริษัทอาจจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นตามสมควรเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ของบริษัท และเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ กรณีที่ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี) ทั้งนี้ หากมีการดำเนินการทางศาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกจัดเก็บไว้จนกว่าจะสิ้นสุดการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงระยะเวลาใด ๆ ในการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ จากนั้นข้อมูลของท่านจะถูกลบหรือเก็บตามที่กฎหมายอนุญาต
8.3 เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้ว บริษัทจะดำเนินการลบ ทำลาย ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูล ที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เพื่อให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลบางอย่างไว้นานกว่าที่ระบุข้างต้น หากจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน หรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจผู้เกี่ยวข้อง และเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือโดยชอบตามกฎหมาย
ข้อ 9. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทเคารพสิทธิส่วนบุคคลของท่าน และเปิดโอกาสให้ท่านสามารถเลือกวิธีการควบคุม หรือวิธีการที่บริษัทใช้ติดต่อท่าน โดยบริษัทจะปฏิบัติตามที่ท่านได้ร้องขอ เพื่อช่วยให้เกิดความโปร่งใส และเพื่อคุณภาพของข้อมูล และความถูกต้องของข้อมูล ท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยท่านสามารถส่งคำขอให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนดในการดำเนินการตามสิทธิ ดังต่อไปนี้
สิทธิขอถอนความยินยอม: หากท่านได้ให้ความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัททั้งนี้ บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า การเพิกถอนความยินยอมไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้แล้วโดยชอบ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมาย หรือโดยสภาพ ไม่สามารถถอนความยินยอมได้ หรือมีสัญญาระหว่างท่านกับบริษัทที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ หรืออาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ได้
สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมาย หรือคำสั่งของศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยัง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิคทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องประมวลผล เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้บริการ หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
สิทธิขอคัดค้าน: ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นโดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติหากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี
สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกประมวลผลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อบริษัทเห็นว่าสามารถปฏิบัติตามที่ท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใด ที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทน
สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งนี้ หากท่านประสงค์จะขอแก้ไขข้อมูลเกี่ยวกับภาพ บริษัทจะทำการแก้ไขเฉพาะรายการข้อมูลที่เกี่ยวกับภาพของท่านเพื่อให้ถูกต้อง ตามความจำเป็นของบริษัทที่ชอบด้วยกฎหมายและในกรณีที่การดำเนินการตามคำขอก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายบริษัทอาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากท่าน
สิทธิร้องเรียน: ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อบริษัทผ่าน แบบคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (F-HDK-HRD-38) หรือผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 10. วิธีการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล
10.1 การร้องขอใด ๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านจะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งบริษัทได้จัดให้มีขึ้นในเว็บไซต์ของบริษัท หรือกรอกข้อมูลผ่านแบบคำร้องขอใช้สิทธิเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (F-HDK-HRD-38) หรือในกรณีท่านประสงค์ใช้สิทธิถอนความยินยอมสามารถกรอกข้อมูลผ่านแบบคำร้องขอใช้สิทธิเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (F-HDK-HRD-38)
ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลา 30 วัน นับแต่ได้รับคำร้อง อย่างไรก็ดี บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่าน ในกรณีที่มีข้อยกเว้นตามกฎหมาย หรือบริษัทจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาได้ หรือมีผลกระทบกับการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา หรือเป็นการปฏิเสธตามคำสั่งศาล หรือหากบริษัทดำเนินการตามคำขอของท่านจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยบริษัทจะดำเนินการบันทึกการปฏิเสธคำร้องขอพร้อมด้วยเหตุผลไว้ ทั้งนี้ หากปรากฏอย่างชัดเจนว่าคำร้องขอของท่านเป็นคำร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผล หรือคำร้องขอฟุ่มเฟือยบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินการตามที่ท่านร้องขอในอัตราที่บริษัทกำหนด
10.2 บริษัทจะพยายามอย่างเต็มที่ตามความสามารถของระบบงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกและดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน เว้นแต่จะปรากฏข้อเท็จจริงว่า การดำเนินการตามคำร้องขอนั้นเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ใช้งานรายอื่น หรือเป็นการขัดต่อกฎหมาย หรือนโยบายความปลอดภัยของระบบ หรือกรณีที่เป็นการพ้นวิสัยในทางปฏิบัติตามคำร้องขอ เนื่องมาจากเหตุทางเทคนิค
10.3 ในบางสถานการณ์บริษัทอาจขอให้ท่านพิสูจน์ตัวตนของท่านก่อนการใช้สิทธิเพื่อความปลอดภัยของท่านเอง โดยบางครั้งอาจเกิดข้อจำกัดในการขอใช้สิทธิของท่านบางประการ ซึ่งบริษัทจะทำการชี้แจงให้ท่านทราบหากไม่สามารถปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านได้
10.4 หากเป็นกรณีกิจกรรมที่บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามฐานการปฏิบัติตามสัญญา หรือฐานเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย บริษัทมีสิทธิปฏิเสธการใช้สิทธิของท่านในกรณีที่ท่านใช้สิทธิโต้แย้ง หรือขอระงับการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน และขอให้ดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านได้ รวมถึงบริษัทอาจปฏิเสธที่จะดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน หากบริษัท มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลต่อไป
10.5 บริษัทจำเป็นต้องแจ้งให้ทราบว่า การขอใช้สิทธิของท่านบางประการ อาจเกิดข้อจำกัด ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อบริษัทในการปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมาย และการรักษาความปลอดภัยของบริษัทและบริเวณรอบข้าง ทรัพย์สินของบริษัท ความปลอดภัยในบริเวณกิจกรรม ความปลอดภัยของตัวท่านเอง
ข้อ 11. มาตรการการรักษาความปลอดภัย
บริษัทกำหนดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีอำนาจหรือโดยขัดต่อกฎหมาย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและวิธีปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศของบริษัทและนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
ข้อ 12. ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก
หากท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกใด ๆ เช่น คู่สมรส บุตร บิดา มารดา บุคคลในครอบครัว ผู้รับผลประโยชน์ บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน บุคคลอ้างอิง และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งท่านรับรองว่าท่านมีอำนาจที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าว และมีหน้าที่ให้บุคคลดังกล่าวอนุญาตให้บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามประกาศฉบับนี้ได้ อีกทั้ง ท่านต้องรับผิดชอบในการแจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบ และขอรับความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 13. ช่องทางการติดต่อ
กรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อสงสัยใด ๆ หรือต้องการใช้สิทธิตามที่กำหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือสอบถามเพิ่มเติม ผ่านช่องทาง ดังนี้
เรื่องเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล : บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด คณะทำงาน PDPA
อีเมล : pdpa@hidakayookoo.co.th
ที่อยู่ : 27 อาคารฮีดากาบิ้วดิ้งส์ ซอยบางนา-ตราด 25 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กรุงเทพ 10260
เรื่องทั่วไป : ติดต่อ ฝ่ายธุรการ-บุคคล
อีเมล : personnel-all@hidakayookoo.co.th
ที่อยู่ : 27 อาคารฮีดากาบิ้วดิ้งส์ ซอยบางนา-ตราด 25 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กรุงเทพ 10260
หมายเลขโทรศัพท์ : 02-744-1400
ข้อ 14. การแก้ไขเปลี่ยนแปลง
บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไข ทบทวน และปรับปรุงประกาศความเป็นส่วนตัวที่จะมีผลบังคับใช้ ณ เวลาที่ได้เผยแพร่ต่อไปโดยมิต้องแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการให้บริการ ดังนั้น บริษัทจึงขอแนะนำให้ท่านอ่านประกาศความเป็นส่วนตัวทุกครั้งที่เยี่ยมชม หรือใช้บริการจากบริษัท หรือเว็บไซต์ของบริษัท โดยให้มีผลบังคับใช้นับจากวันที่ประกาศเป็นต้นไป และขอยกเลิก ประกาศบริษัทที่ HDK-HRD 51/2567 ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2567
ประกาศ ณ วันที่ 12 กันยายน 2567
มาจากประกาศบริษัทที่ HDK-HRD 65/2567
โดยคุณยาซูโอะ อาทิตย์เรืองสิริ
ประธานบริษัทฯ/กรรมการผู้จัดการ
จรรยาบรรณ
CODE OF CONDUCT / ETHICS
บริษัทฯ ยึดมั่นในแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ดี ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบ ความโปร่งใส และความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินงานขององค์กรดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่วางไว้ บริษัทฯ ได้กำหนดจรรยาบรรณทางธุรกิจ ซึ่งกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน จะยึดถือเป็นแนวทางการปฏิบัติในการทำงาน
ประกาศนียบัตรและรางวัล
CERTIFICATES & AWARDS